Skip to main content

สำนักข่าว ABC News สื่อของออสเตรเลีย รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย อ้างอิงการทำงานของกลุ่มอาสาสมัครที่ออกมาช่วยเหลือผู้ป่วยโควิดที่ยังตกค้างหรือรอเตียงเพื่อเข้ารักษาพยาบาล โดยระบุว่าไทยเคยเป็นประเทศต้นแบบในการรับมือโรคโควิดเมื่อปี 2563 แต่ขณะนี้ไทยกลายเป็นประเทศที่เจอกับการแพร่ระบาดรุนแรงเป็นอันดับต้นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เอบีซีนิวส์ได้ติดตามการทำงาน พร้อมทั้งเผยแพร่บทสัมภาษณ์อาสาสมัครของกลุ่ม 'สายไหมต้องรอด' ที่ออกเยี่ยมและให้ความช่วยเหลือ-ประสานงานเพื่อหาการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโควิดในชุมชน โดยผู้ให้สัมภาษณ์รายหนึ่งย้ำว่ารัฐบาลต้องทำให้ประชาชนที่ติดเชื้อได้รับการรักษาพยาบาลด้วยวิธีการที่ง่ายขึ้นและเร็วขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ และระบุว่าสงครามที่แท้จริงกำลังจะเริ่ม เพราะระบบสาธารณสุขรองรับจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยจำนวนมากพร้อมกันไม่ไหว และคาดว่าจะมีผู้เสียชีวิตในที่พักเพิ่มขึ้น

เนื้อหาในรายงาน Thailand's COVID-19 volunteers warn the 'real war is about to happen' as its medical system struggles with Delta surge ของเอบีซีนิวส์ ระบุว่า การจัดซื้อจัดหาและกระจายวัคซีเพื่อฉีดให้กับประชากรของไทยดำเนินไปอย่างล่าช้า และในเดือน ส.ค.มีประชาชนไทยได้รับวัคซีนครบโดสแล้วราว 10% เท่านั้น แม้ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยให้กลับบ้านได้จะมีสูงถึงหลักพันในแต่ละวัน แต่เตียงโรงพยาบาลไม่เคยว่างเพราะมีผู้ที่รอการรักษาอีกเป็นจำนวนมาก และเครื่องช่วยหายใจก็ประสบภาวะขาดแคลน

อาสาสมัครอีกกลุ่มที่สื่อออสเตรเลียตามไปสัมภาษณ์ความคิดเห็น คือ กลุ่ม Food For Fighters หรือ FFF ซึ่งเป็นการรวมตัวของกลุ่มผู้ไม่แสวงกำไร แต่ออกมาจัดทำอาหารและกระจายกำลังกลุ่มอาสาสมัครไปส่งมอบให้กับผู้ป่วยโควิดที่ต้องกักตัวในที่พักอาศัย แต่ไม่อาจใช้บริการของแพลตฟอร์มรับซื้อและส่งอาหารได้ เนื่องจากผู้ป่วยจำนวนมากเป็นกลุ่มผู้มีรายได้น้อย ทั้งยังได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจช่วงโควิดแพร่ระบาด ทำให้ตกงานและขาดรายได้ และไม่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลอย่างทันท่วงที ทำให้กลุ่ม FFF เข้ามาช่วยเหลือประชาชนส่วนนี้ และผู้ร่วมก่อตั้ง FFF ระบุว่า อาสาสมัครหลายคนออกมาช่วยเหลือกันเองเพราะไม่มีความหวังกับรัฐบาลชุดปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม 'อนุชา บูรพชัยศรี' ซึ่งยังดำรงตำแหน่งโฆษกรัฐบาล ตอบกลับเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังสื่อออสเตรเลีย ย้ำว่า รัฐบาลไทยได้ทำทุกอย่างเท่าที่สามารถทำได้ แต่ไม่ตอบคำถามว่า การที่อาสาสมัครต้องออกมาช่วยเหลือผู้ป่วยกันเอง เป็นเพราะรัฐบาลไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างที่ควรจะเป็นใช่หรือไม่ พร้อมย้ำว่า รัฐบาลทุ่มเทให้กับประเด็นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์เดลตา และมองว่าไม่ควรนำเรื่องโควิดมาเป็นประเด็นทางการเมือง

นอกจากนี้ ความไม่พอใจในการบริหารจัดการโควิดของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ทำให้การชุมนุมขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องแม้จะมีการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และกลุ่มผู้เข้าร่วมจำนวนมากเป็นเยาวชนคนรุ่นใหม่ แต่  พล.อ.ประยุทธ์ก็ยืนกรานว่าจะไม่ลาออกอย่างแน่นอน