เว็บไซต์ Futurism เปิดเผยว่า มีข่าวลือเรื่องการเลิกจ้างครั้งแรกในประวัติศาสตร์เกือบ 20 ปีของเฟซบุ๊ก (Facebook) หรือตอนนี้เปลี่ยนมาเป็น เมตา (Meta) และตามรายงานจากบลูมเบิร์ก เปิดเผยว่า มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอบริษัท ประกาศปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ซึ่งนี่คือสัญญาณบ่งบอกว่ายุครุ่งเรืองของซิลิคอน วัลเลย์ (Silicon Valley) ที่เชื่อว่าจะเติบโตแบบหยุดไม่ได้นั้นอาจสิ้นสุดลงแล้ว
แหล่งข่าวบลูมเบิร์ก ระบุด้วยว่า การตัดสินใจลดต้นทุนที่ประกาศในการประชุมรายสัปดาห์ของบริษัทนั้นรวมถึงการหยุดจ้างงานแบบไม่มีกำหนดด้วย อีกทั้งสิ่งที่ซักเคอร์เบิร์กพูดอย่างระมัดระวังในที่ประชุมครั้งนี้ด้วยคือการจัดการกับพนักงานที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่ และบอกกับพนักงานของเขาอีกว่า ช่วง 18 ปีแรก บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วในทุกปี แต่ล่าสุดรายได้ของบริษัทลดลงเล็กน้อยเป็นครั้งแรก เขากล่าวเสริมด้วยว่า บริษัทเมตา (Meta) จะเป็นบริษัทขนาดเล็กในปี 2023
อย่างไรก็ตามซักเคอร์เบิร์กมีสิทธิที่จะตัดสินใจทำอะไรกับบริษัทเพราะปัญหาทางการเงินที่ราบเรียบแบบนี้ ทั้งยังเจอกับปัญหาใหม่ที่แอปเปิล (Apple) ปรับปรุงระบบปกป้องความเป็นส่วนตัวใหม่ ถือเป็นการโยนความท้าทายให้เฟซบุ๊กที่เป็นธุรกิจขับเคลื่อนด้วยข้อมูล นอกจากนี้ยังมีคู่แข่งอย่างติ๊กต็อก (Tiktok) ที่มาแรงทำให้อินสตาแกรมในเครือเมตาไม่สามารถสู้ได้
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของช่องโหว่การเงินของเมตาเวิร์ส เนื่องจากมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก กล่าวไว้ชัดเจนว่า ต้องใช้เงินและเวลาในการสร้างเมตาเวิร์สในฝันของเขา และจนถึงตอนนี้สำเร็จไปเพียงเล็กน้อยจนน่าตกใจกับจำนวนเงินที่ใช้ไป
ตามรายงานบอกอีกว่า การขาดทุนมหาศาลของบริษัทสะท้อนให้เห็นความมั่งคั่งส่วนตัวของเจ้าของเฟซบุ๊กอย่างมาร์กด้วย เพราะในปีที่ผ่านมาเขาสูญเสียทรัพย์สินไปกว่า 71,000 ล้านดอลลาร์ หรือราวๆ 2.67 ล้านล้านบาท แต่เขายังร่ำรวยอยู่ แค่หลุดจากอันดับ 3 ของผู้มั่งคั่งโลกที่อยู่มาเกือบ 20 ปีของเขาถือเป็นการก้าวลงที่ใหญ่มาก
จากของมูลของบลูมเบิร์ก บอกว่า ซักเคอร์เบิร์ก จะใช้การปรับโครงสร้างเพื่อควบคุมความพยายามของบริษัทให้เล็กลงต่อวิสัยทัศน์เมตาเวิร์ส และทำให้ Reels ประสบความสำเร็จ ซึ่งมาร์กปลอบโยนพนักงานของเขาที่เหลืออยู่ด้วยการโยนความผิดให้กับปัญหาเศรษฐกิจ และหวังว่าเศรษฐกิจจะมีเสถียรภาพมากขึ้น แต่ดูเหมือนไม่เป็นเช่นนั้น ดังนั้นทางเราจึงต้องวางแผนที่ค่อนข้างรัดกุม
โดยเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา เคยมีรายงานว่า เมตา กำลังจำกัดการรับพนักงานใหม่ เพื่อพยายามลดต้นทุนเนื่องจากการคาดการณ์รายได้ที่อาจประสบปัญหา บริษัทจึงต้องหยุดหรือชะลอการจ้างงานในตำแหน่งระดับกลางไปจนถึงระดับอาวุโส
ส่วนภาพรวมบริษัทด้านไอทีอื่นๆ มีทั้งชะลอรับพนักงานใหม่ ปรับรูปแบบโครงสร้าง รวมไปถึงปรับลดจำนวนพนักงานของตัวเอง เช่น เทสลา ของอีลอน มัสก์ จะลดพนักงานลง 10%, ไมโครซอฟต์ ประกาศชะลอจ้างงานเพิ่ม, เน็ตฟลิกซ์ ลดพนักงาน 150 ตำแหน่ง และพยายามลดต้นทุนลง หรือแม้แต่อูเบอร์ ยังประกาศลดการจ้างงานและลดค่าใช้จ่ายลงด้วยเช่นกัน