มีรายงานว่า หุ้นของ Meta Platforms Inc ลดลง 20% หลังจากเจ้าของเฟซบุ๊กอย่างมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ลงเดิมพันใน Metaverse ที่มีมูลค่ามหาศาล ทั้งนี้เป็นผลกระทบจากเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นจนทำให้นักลงทุนต่างพากันกลัว
โดย Meta นั้นสูญเสียมูลค่าทางตลาดไปประมาณ 78,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2.94 ล้านล้านบาท หากการขาดทุนยังคงอยู่ไปจนถึงสิ้นสุดการซื้อขายในรอบนี้ ซึ่งขณะที่ Meta สูญเสียมูลค่าทางการตลาดไปแล้วกว่าครึ่งล้านล้านดอลลาร์ในปีนี้ หุ้นของบริษัทซื้อขายที่ 100.55 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 3,800 บาท ถือว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2016
ผลประกอบการของ Meta เกิดขึ้นหลังจาก กูเกิล และไมโครซอฟต์ โพสต์ตัวเลขที่น่าผิดหวังเพียง 1 วัน ทำให้เกิดการเทขายหุ้นภาคเทคโนโลยีอย่างมหาศาล
ด้านนักวิเคราะห์กล่าวว่า นักลงทุนมีความกังวลเนื่องจาก Meta กำลังจะใช้จ่ายเงินในโครงการที่ใช้ทุนสูงในช่วงเวลาที่ตลาดโฆษณาที่เป็นแหล่งรายได้หลักของบริษัทกำลังตกอยู่ในสภาวะขัดสน โดยบริษัทคาดว่าจะใช้เงินประมาณ 10,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 378,000 ล้านบาทต่อปี สำหรับฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ Metaverse โดย มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก กล่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่า เขาคาดว่าการลงทุนเหล่านี้จะใช้เวลาประมาณหนึ่งทศวรรษ หรือ 10 ปี จึงจะเกิดผล
ขณะที่ ไมค์ โปรซ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของฟอร์เรสเตอร์ กล่าวว่า Meta Horizon Worlds ปัจจุบันนี้เป็นเมืองร้างเมื่อเทียบกับโลกสามมิติอื่นๆ เช่น Roblox และ Fortnite
อย่างไรก็ตามการลงทุนเชิงรุกของ Meta ใน Metaverse นั้นน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับกลุ่มหนึ่งของภาคเทคโนโลยีนั้นคือ ผู้ผลิตชิป โดย เบน แบริ่งเกอร์ นักวิเคราะห์จาก Quilterr Cheviot กล่าวว่า แผนที่ว่านี้ต้องใช้เงินลงทุนสำหรับศูนย์ข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานใหม่ บริษัทที่เน้นเรื่องศูนย์ข้อมูลอย่าง Broadcom Inc, Advanced Micro Devices และ Nvidia Corp อาจได้รับแรแงหนุนจากแผนของ Meta หุ้นของพวกเขาอาจเพิ่มขึ้นระหว่าง 1.4% - 4.3%
แต่จนถึงปีนี้ Reality Labs ซึ่งเป็นหน่วย Metaverse ของบริษัท สูญเสียรายได้ไปแล้ว 9,440 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 357,000 ล้านบาท ในขณะที่ปีที่แล้วหน่วยขาดทุนมากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ ราวๆ 378,000 ล้านบาท ซึ่ง Meta คาดว่า การสูญเสียจะเพิ่มขึ้นอีกในปี 2023 และให้คำมั่นว่าจะ "ไปต่อ" กับการลงทุนหลังจากนั้น