Skip to main content

ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ไลฟ์พูดคุยกับแฟนเพจผ่านทางเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ไปอยู่ต่างประเทศ โดยมี พงศ์เกษม สัตยาประเสริฐ อดีตโฆษกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) ร่วมพูดคุย โดย ยิ่งลักษณ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้ก็อยากได้ยิน และสัมผัสโดยตรงว่าประชาชนวันนี้มีความทุกข์หรือเป็นอย่างไรกันบ้าง ทั้งนี้ ตนเองมาอยู่ต่างประเทศเป็นเวลา 10 ปีแล้ว วันเวลาผ่านไปเร็วมาก จะบอกว่าสบายก็คงไม่ใช่ คนเราจากบ้านเกิด จากสิ่งที่เราทำมาทุกวัน มาว่างงาน มาอยู่ห่างบ้านห่างเมือง ไม่ได้เจอพี่น้องเพื่อนฝูง คนรู้จักก็คิดถึง แต่เราก็ต้องทำอย่างไรให้เราดำรงอยู่ให้ได้ ทั้งนี้ พี่โทนี่เคยบอกว่า เวลามาอยู่เราต้องรักษาสุขภาพ เพื่อคนที่รักของเรานั่นคือสิ่งแรกที่ต้องทำ เราต้องพยายามอยู่ให้ได้ แต่ใจยังรักและคิดถึงทุกคคน

เมื่อถามถึง การฉีดวัคซีน ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ไม่อยากบอกว่าฉีดวัคซีนเยอะ ชิโนฟาร์ม 2 ไฟเซอร์ 2 กำลังคิดว่าจะฉีดอีกเข็มก็กลัวว่าจะเยอะเกินไปเลยพอก่อน คิดแค่ว่าวัคซีนคงไม่ได้ป้องกันไม่ให้ติดโควิด แต่จะทำให้มีอาการน้อย ก็คิดแบบนี้ดีกว่า ส่วนสถานการณ์บ้านเมือง ติดตามอยู่ตลอด ตนเป็นห่วงเรื่องเศรษฐกิจ และราคาข้าวของที่แพงขึ้น แต่เงินในกระเป๋าของพี่น้องประชาชนไม่ได้เพิ่มขึ้น ขณะที่กำลังประสบกับปัญหาโควิดซึ่งเหมือนเป็นการซ้ำเติมเรารู้ว่าพี่น้องประชาชนไม่มีทางออก เราก็ไม่รู้จะช่วยอย่างไร เพราะเราอยู่ไกล และไม่ได้เป็นรัฐบาลแล้ว เราก็ได้แต่ส่งกำลังใจให้ทุกคนเข้มแข็ง และ ขอร้องรัฐบาลว่าขอให้พี่น้องช่วยประชาชน

เมื่อถามว่า อยากเป็นนายกรัฐมนตรีอีกสักสมัยไหม ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ขณะนี้อาจจะเรียกว่าหมดยุคเราแล้วหรือไม่ เพราะวันนี้เป็นช่วงเวลาของคนรุ่นใหม่แล้ว เด็กรุ่นใหม่มีความสามารถเยอะ อย่างไรก็ตาม การที่ใครจะได้เป็นนายกฯอยู่ที่พี่น้องประชาชนว่าอยากให้ใครมาบริหารประเทศ ประเทศไทยมีคนที่มีความรู้ความสามารถมาก สำหรับตน ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะไหนก็อยากช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นบ้านเกิด เรามีความรักความผูกพัน แม้ตัวจะต้องมาอยู่ที่นี่ แต่ใจยังอยู่ประเทศไทยตลอดเวลา

เมื่อถามว่า ถ้ายังเป็นนายกฯ หรือยังเป็นรัฐบาลอยู่จะมีนโยบายอะไรที่อยากทำบ้าง ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า โครงการ 2 ล้านล้านบาท การทำรถไฟความเร็วสูง หรือการบริหารจัดการน้ำ เรื่องแท็ปเล็ต ฯลฯ ตอนที่เป็นรัฐบาลเราคิดว่าปีที่ 3 เราวางอนาคตในวันข้างหน้าของประเทศไทย เพราะปีแรกและปีที่ 2 เราใช้สำหรับแก้ปัญหาที่มีมา ขณะนั้นมีการวางยุทธศาสตร์จังหวัด เพื่อให้แต่ละจังหวัดมีความแตกต่างแล้วด้วย

เมื่อถามถึงการทำงานในฐานะนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมหญิงคนแรกของประเทศไทย ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ท้าทายมาก โดยเฉพาะตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และหนักใจ การสั่งงานต้องใช้ข้อกฎหมายในการสั่งการ เพราะเราคงออกไปคำสั่งเขาไม่ได้

เมื่อถามว่า ถ้าเจอหน้าพล.อ.ประยุทธ์ ยังคุยกันได้หรือไม่ ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ก็ต้องถามกลับพล.อ.ประยุทธ์ว่าถ้าเจอหน้ายิ่งลักษณ์ยังคุยกันได้หรือไม่

เมื่อถามว่า สมัยที่ประกาศนโยบายค่าแรงขั้นต่ำฮือฮามาก แต่วันนี้ค่าแรงขั้นต่ำที่ประกาศ ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า รัฐบาลต้องดูแล และคำนวนว่าค่าครองชีพเท่านี้ในแต่ละวันผู้ใช้แรงงานควรได้ค่าแรงเท่าไหร่เพื่อให้เขาอยู่ได้ แต่ตรงนี้ไม่ถาวรเท่าการสร้างรายได้ให้ประเทศ เพราะถ้าประเทศเรามีรายได้มากเศรษฐกิจดีภาคธุรกิจก็มีกำลังเพิ่มค่าแรงให้ลูกจ้าง จะไปแก้แต่เพียงปัญหาเรื่องค่าแรงไม่ได้

เมื่อถามว่า แนวทางการทำงานของคนรุ่นใหม่ .ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า จริงๆคนรุ่นใหม่รอบรู้มาก เพราะข้อมูลอยู่ในทุกที่ แต่เมื่อเราค้นหาแล้ว เราต้องทำให้เกิดขึ้นจริงได้ อยากให้เกิดการปฏิบัติให้ชัด จะทำอย่างไรจะแปรจากสิ่งที่เราคิดมาสู่การปฏิบัติให้ได้ นอกจากนี้ วันนี้เทคโนโลยีเข้ามาเยอะ การทำงานร่วมกับคนก็เป็นสิ่งสำคัญ ต้องบาลานซ์ให้ดี ขณะที่คนรุ่นใหม่กับการเมือง ถ้าสนใจการเมืองเป็นสิ่งที่ถูกต้อง การอยากเห็นบ้านเมืองพัฒนาไปในทางที่ดี และอยากมีส่วนร่วมในการวางอนาคตของพวกเขซึ่งผู้ใหญ่ต้องรับฟังพวกเขา ซึ่งเขาต้องการความรู้ ความเข้าใจ เราเป็นผู้ใหญ่ต้องให้โอกาสเยาวชนในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น”

เมื่อถามว่า ท่านด่าคนเป็นไหม น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เราก็มนุษย์ปกติคนหนึ่ง ก็มีความรู้สึก มีจิตใจ ส่วนใหญ่ก็ไประบายกับคนรอบข้างแทน เพราะเราไม่อยากให้ใครไม่สบายใจ ซึ่งเราต้องทำงานหมู่มาก เราก็ต้องใจเย็น เพราะทุกคนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ด้วยแล้วทำไมต้องมารับรู็กับการอารมณ์เสียของเราเราก็ต้องหาทางระายความเครียดของเราให้ได้ อย่างไรก็ตาม เราต้องไม่เอาอารมณ์มาเป็นหลักในการสื่อสารของเรา ถ้าเราคุยกับคนด้วยอารมณ์โกรธ เราก็ไม่ได้งานสักที

“ขอบคุณแฟนเพจทุกคนที่เข้ามาฟัง วันนี้ก็เรียกว่าได้หายคิดถึง ได้มีโอกาสได้พูด ได้บอกความรู้สึกของตัวเองกับประชาชน สิ่งที่อยากบอกคือ วันนี้ไม่ได้อยู่บ้านเกิดมา 4 ปี แล้ว ก็เป็นปกติที่เราต้องคิดถึงกัน อยากบอกตามเพลงเล่าสู่กันฟังว่า ไม่ว่าฝนจะตกที่ไหน คนทางนี้ก็อยากรู้เรื่องราว และสะเทือนถึงทางนี้เช่นกัน ถ้าบ้านเรามีความทุกข์ยากลำบากอะไร คนอยู่ทางนี้เองก็รู้สึกสะเทือนใจ และเป็นห่วง นี่คือสิ่งที่อยากบอกทุกคน ไม่ว่าฝนจะตกทางไหน มันก็หนาวถึงคนทางนี้เช่นกัน ไม่ว่าเจออะไรก็อยากให้เล่าสู่กันฟัง แม้ว่าจะทำอะไรไม่ได้ แต่กำลังใจ และการอยู่เคียงข้างจะไม่มีวันเลือน วันนี้มีแต่ความจริงใจที่จะอยู่เคียงข้าง อะไรที่จะทำเพื่อพี่น้องประชาชนได้ ดิฉันยินดี ขอให้พี่น้องประชาชนอดทน และรักษาสุขภาพให้ดี เชื่อว่าวันหนึ่งจะได้เจอสิ่งที่ดี และหวังว่าวันหนึ่งประเทศไทยจะได้ลืมตาอ้าปาก พี่น้องประชาชนจะมีรายได้ที่ดี ดิฉันขอเป็นกำลังใจให้“ ยิ่งลักษณ์ กล่าว