Skip to main content

 

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ราคากาแฟนอกบ้านพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่ราคาของกาแฟลาเต้หนึ่งแก้วแตะถึง 7 ดอลลาร์ หรือประมาณ 260 บาทในบางพื้นที่ ปัจจัยหลักที่ทำให้ราคากาแฟแพงขึ้นมาจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลต่อการเพาะปลูกเมล็ดกาแฟ ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ตลอดจนสงครามและสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทำให้ห่วงโซ่อุปทานหยุดชะงัก

ข้อมูลจาก สำนักงานสถิติแรงงานแห่งสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2020 เป็นต้นมา ราคากาแฟบดในตลาดค้าปลีกพุ่งสูงขึ้นถึง 75% นั่นหมายความว่า แม้คนทั่วไปจะอยากดื่มกาแฟดีๆ สักแก้วในตอนเช้า ก็ต้องคิดแล้วคิดอีกว่าจะคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปหรือไม่

เพื่อรับมือกับราคากาแฟที่สูงลิ่ว คนรักกาแฟจำนวนไม่น้อยจึงหันมาสร้าง home cafe ขึ้นเองที่บ้าน โดยเทรนด์นี้ไม่ได้เกิดจากความประหยัดเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการผสมผสานระหว่างความสร้างสรรค์ ความหลงใหลในกาแฟ และความต้องการมีพื้นที่ส่วนตัวที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเสมือนนั่งอยู่ในร้านกาแฟโปรด

หลายคนเริ่มลงทุนซื้อเครื่องชงกาแฟ เครื่องบดเมล็ดกาแฟ และเลือกเมล็ดกาแฟคุณภาพดีมาทำกาแฟดื่มเองที่บ้าน บางคนถึงขั้นออกแบบเมนู ขนม และตกแต่งบ้านในสไตล์คาเฟ่ พร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มให้เพื่อนฝูงหรือสมาชิกในครอบครัว สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น

การทำ home cafe ยังกลายเป็นพื้นที่ให้ผู้คนแสดงออกถึงตัวตน ไม่ว่าจะผ่านการตกแต่ง การจัดโต๊ะกาแฟ หรือการสร้างสูตรเมนูกาแฟเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร หลายคนแชร์ผลงานของตนเองลงในโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็น Instagram, TikTok หรือ YouTube สร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆ ลุกขึ้นมาเปลี่ยนบ้านให้กลายเป็นพื้นที่แห่งความสุขในแบบของตนเอง

นอกจากนี้ สำหรับบางคน home cafe ยังกลายเป็นทางเลือกในการหารายได้เสริม เช่น การเปิดพรีออเดอร์ขนมโฮมเมด การขายเมล็ดกาแฟ หรือแม้แต่การจัดเวิร์กช็อปชงกาแฟให้คนในชุมชน เรียกได้ว่าเทรนด์นี้ขยายผลออกไปมากกว่าการประหยัดเงิน แต่ยังเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจระดับย่อมที่ผู้คนสามารถควบคุมเองได้


อ้างอิง
‘Home Cafes’ Are on the Rise as Going Out for Coffee Gets Too Expensive
More people are brewing coffee per household – but does that really matter?