รู้มั้ย “ค่าทำใบขับขี่" ในเยอรมนีสูงถึงประมาณ 90,000 บาท แพงกว่าค่าแรงขั้นต่ำทั้งเดือน ไม่ได้ราคาถูกๆ เหมือนไทย
ในไทย แม้ว่าการทำใบขับขี่รถยนต์จะเป็นสิ่งที่ต้องจองคิวนานและวุ่นวาย แต่ "ค่าธรรมเนียม" การทำใบขับขี่ใหม่ ณ ปัจจุบันในปี 2025 ก็แค่ราวๆ 300 บาทเท่านั้น ซึ่งถ้าเทียบ ค่าธรรมเนียมใบขับขี่ของไทยนี่พอๆ กับค่าแรงขั้นต่ำในการทำงาน 1 วัน
เราอาจรู้สึกว่ามันคือเรื่องปกติ ค่าทำใบขับขี่ไม่ควรจะแพง เพราะคนไทยมองเป็น "สิทธิ" แต่จริงๆ แล้วบางประเทศในโลก ค่าทำใบขับขี่ใหม่แพงมาก และแพงระดับเรียกว่า ทำงานค่าแรงขั้นต่ำ 1 เดือน ยังไม่ได้เงินค่าทำใบขับขี่เลย ซึ่งจริงๆ ประเทศที่ค่าทำใบขับขี่ถูกกว่าไทยน่าจะเรียกได้ว่าน้อยมากแบบนับประเทศได้เลย หนึ่งในนั้นคือ อินเดีย ที่ค่าทำใบขับขี่ประมาณ 100 บาทไทย ส่วนประเทศอื่นๆ แพงกว่าไทยหมด ประเทศที่ค่าครองชีพใกล้เคียงกันกับไทยอย่างจีน ค่าธรรมเนียมใบขับขี่ก็ตกประมาณ 3,000 บาทไทย ซึ่งก็ไม่ถือว่าแพงในมาตรฐานโลก แต่ก็สูงกว่าไทย
แต่พอหันไปโลกตะวันตก ประเทศที่ไทยคุ้นเคยดีอย่างสหรัฐอเมริกา ค่าทำใบขับขี่ขึ้นกับแต่ละรัฐ มีตั้งแต่ราคาถูกใกล้ๆ กับไทยคือ ไม่เกิน 1,000 บาทไทยในรัฐส่วนใหญ่ แต่บางรัฐเก็บค่าทำใบขับขี่แพงกว่า คือประมาณ 2000-3,000 บาทไทยอย่างเช่น นิวยอร์คและวอชิงตัน ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกมาดูที่อังกฤษ เบ็ดเสร็จคือประมาณ 5,000 บาทไทย ซึ่งก็ใกล้ๆ กับอีกประเทศในโลกภาษาอังกฤษอย่างออสเตรเลียก็จะใกล้ๆ กันคือประมาณ 4,500 บาทไทย
แต่ถ้าเข้ามาในโซนยุโรป ทั่วๆ ไปค่าทำใบขับขี่จะแพงมาก 1,000 ยูโรขึ้นไปคือราคาปกติ อย่างฝรั่งเศสก็จะประมาณ 50,000 บาทไทยเลย ในโซนที่ใช้เงินยูโร จะรู้กันว่าประเทศที่ "ค่าทำใบขับขี่แพงสุด" คือ "เยอรมนี" ที่ค่าทำใบขับขี่เริ่มที่ประมาณ 2,500 ยูโร หรือประมาณ 90,000 บาท ซึ่งถือว่าแพงมาก ถ้าเทียบกับบค่าแรงขั้นต่ำในเยอรมนีจะได้ค่าแรงประมาณ 85,000 บาท ดังนั้น ค่าทำใบขับขี่เยอรมนีนั้นสูงว่าเงินเดือนภายใต้ค่าแรงขั้นต่ำซะอีก นอกจากโคตรแพงแล้ว การสอบใบขับขี่ในเยอรมันยังยากระดับตำนานอีก การสอบข้อเขียนจะมีคำถามเช็คความรู้ระดับกลไกของรถยนต์เลย ไม่ใช่แค่ความรู้กฎจราจรแบบประเทศอื่นๆ โดยความโหดคือการสอบใบขับขี่ไม่ใช่แค่มีเงินก็สอบผ่าน แต่มันสอบจริงจัง สอบตกก็ต้องสอบใหม่ และอาจต้องเสียเงินเป็นเท่าตัวก็ได้ โดยสื่ออย่าง DW มีการรายงานว่าชาวต่างชาติที่คิดว่าการสอบไม่จริงจัง สอบครั้งแรกตก ต้องสอบใหม่ กว่าจะผ่านการเสียเงินกว่า 200,000 บาทกว่าจะได้ใบขับขี่ในเยอรมนีก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ทั้งนี้ ถ้าไม่นับว่าการสอบตกแล้วสอบใหม่จะทำให้ "ต้นทุนการได้มาซึ่งใบขับขี่" ของเยอรมันนั้นสูงที่สุดในโลกแล้ว โดยทั่วไปในโลกประเทศที่ถือว่าค่าทำใบขับขี่แพงกว่าเยอรมนีจะมีแค่ นอร์เวย์ ที่ค่าธรรมเนียมสูงไปถึงประมาณ 120,000 บาท ซึ่งเค้าก็อธิบายว่า มันเป็นค่าที่ต้องมีการฝึกเฉพาะ และ "ค่าแรง" ครูฝึกแพงตามประสานอร์เวย์ เลยทำให้ค่าทำใบขับขี่มันแพงโดดมาก แต่สิ่งที่ต้องไม่ลืมคือมันเป็นเรื่องระเบียบด้วย เพราะประเทศเพื่อนบ้านอย่างสวีเดน ค่าทำใบขับขี่เริ่มที่ประมาณ 60,000 บาทเท่านั้น
แต่ทั้งหมดนี้ เนื่องจากค่าแรงและค่าครองชีพของพวกประเทศนอร์ดิกสูงกว่าเยอรมนีอยู่แล้ว โดยทั่วไปทางนอร์ดิกก็จะมีการบ่นเรื่อง "ราคา" ของใบขับขี่น้อยกว่าเยอรมนี ซึ่งจริงๆ ประเด็นเรื่องการลดราคาใบขับขี่เป็นเรื่องที่ในสภามีการหยิบยกมาคุยกันหลายต่อหลายรอบ แต่ประเด็นก็ตกไปตลอด และทำให้ราคาของใบขับขี่ในเยอรมนียังสูงลิบอยู่ ซึ่งบวกไปกับ "ค่าเรียนขับรถ" ที่ขึ้นมาเกือบ 40% ในรอบ 5 ปีมันก็ยิ่งทำให้ "การขับรถ" กลายเป็น "สิ่งฟุ่มเฟือย" ในเยอรมนีมากขึ้น
ทั้งหมดนี้จะเห็นว่า แต่ละสังคมจะมอง "การขับรถยนต์ส่วนตัว" ต่างกันไป ฝั่งอเมริกาและโลกภาษาอังกฤษ (รวมถึงพื้นที่ส่วนใหญ่ในโลก) มักจะมองเป็น "สิทธิ" ที่คนทุกคนมี รัฐมีหน้าที่แค่รับประกันมาตรฐานความปลอดภัยตามความเหมาะสม ดังนั้น ค่าทำใบขับขี่ควรจะถูก กลับกันในยุโรป วิธีคิดต่างออกไป การขับรถยนต์ส่วนตัวในประเทศที่ให้ความสำคัญกับบริการด้านขนส่งมวลชนสาธารณะนั้น ถือว่าเป็น "อภิสิทธิ์" ไม่ใช่ "สิทธิ" ดังนั้น มันจึงมี "ราคา" ที่สูง ซึ่งประเทศเหล่านี้ที่ไม่สนับสนุนให้คนขับรถยนต์ มีการปิดเลนรถยนต์มาทำเลนจักรยานแทน ก็ไม่ได้มีแนวโน้มจะลดราคาค่าทำใบขับขี่ให้คนขับรถยนต์มากขึ้นแต่อย่างใด
สุดท้าย ความน่าสนใจก็คือ ในอนาคตข้างหน้า ถ้าระบบขนส่งมวลชนต่างๆ ดีขึ้น สิ่งที่อาจเกิดตามมาก็คือ คนในอีกหลายประเทศอาจไม่ได้มองว่าการขับรถยนต์ คือ สิทธิหรือเป็นเรื่องปกติ เพราะสิ่งที่ต้องไม่ลืมเช่นกันก็คือแรงกดดันให้คนขับรถน้อยลงนั้นไม่ได้มีแค่ภาวะโลกร้อนเท่านั้น แต่ยังมีภาวะสังคมผู้สูงอายุอีกที่ประเทศคนแก่เยอะๆ อย่างญี่ปุ่นเริ่มเล็งเห็นว่าถ้าคนอายุเกิดจุดหนึ่ง โอกาสขับรถแล้วเกิดอุบัติเหตุจะสูงมาก และรัฐก็ต้องมีมาตรฐานความปลอดภัยอีกแบบเพื่อไม่ให้คนแก่ขับรถชนคน ซึ่งพูดง่ายๆ สังคมผู้สูงอายุมันจะบีบให้แม้แต่สังคมที่ "มีพื้่นฐานเป็นรถยนต์" ทำการปรับตัวสร้างระบบขนส่งมวลชนมา "จัดการ" คนแก่ที่ขับรถไม่ไหวอีกแล้วนั่นเอง
อ้างอิง
เอกสารต่อใบขับขี่ 2568 ใช้อะไรบ้าง และมีค่าใช้จ่ายเท่าไร
Here's how much it costs to get a driver's license in 20 different countries around the world
Driver's License Cost by State 2025
Is driving becoming a luxury in Germany?
อ่านบทความอื่นๆ ของผู้เขียน