เกาหลีใต้ มีประชากร “วัยเด็ก” คิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 10.6 ของประชากรทั้งประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทจะเห็นปรากฎการณ์นี้ชัดเจนเป็นพิเศษ แม้จะมีรายงานอัตราการเกิดที่เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรก หลังจากลดลงต่อเนื่องมาเกือบตลอดทศวรรษที่ผ่านมาก็ตาม
การขาดแคลนเด็กวัยเรียนของเกาหลีใต้ กำลังกระทบต่อการคงอยู่ของโรงเรียนประถมศึกษาในชนบท โรงเรียนบางแห่งจึงรับมือกับปัญหานี้ด้วยแนวคิดใหม่ คือ การรับ “ผู้สูงอายุ” ที่อยากเรียนหนังสือและอยากอ่านออกเขียนได้ แต่ไม่เคยมีโอกาสมาก่อน มาเข้าเรียนแทน
อี จูยอง ครูใหญ่โรงเรียนประถมแทกู ในอำเภอกังจิน ซึ่งเปิดรับคุณย่าคุณยายเข้าเรียน บอกว่า โรงเรียนแทกูอยู่ในชนบทห่างไกลที่มีประชากรน้อย และมีอัตราการเกิดที่ลดต่ำลงเรื่อยๆ ด้วย เธอเล่าว่า ปีที่แล้วไม่มีเด็กนักเรียนสมัครเข้าเรียนเลย และเธอเดินไปตามหมู่บ้านต่างๆ เพื่อมองหาเด็กสักคนที่พอจะสมัครเข้าเรียนชั้น ป.1 ได้ แต่ก็ไม่มีเช่นกัน
“ถ้าเรายังคงไม่มีนักเรียนต่อไปแบบนี้ โรงเรียนก็จะหายไปด้วย และถ้าไม่มีโรงเรียนประถมแล้ว หมู่บ้านก็จะพากันร้างจากผู้คน” ครูใหญ่อี กล่าว
สุดท้ายจึงมีผู้หญิง 8 คน อายุระหว่าง 56 ถึง 80 ปี สมัครเข้าเรียนแทน โดยได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานการศึกษาในพื้นที่ และต่อมาก็มีผู้สนใจสมัครเข้าเรียนเพิ่มขึ้น
คุณยายฮวัง บกนิม ในวัย 75 ปี หนึ่งในนักเรียนประถมของโรงเรียนแทกู เล่าว่า เธอไม่เคยได้ไปโรงเรียน เพราะที่บ้านของยากจน แต่การได้มาโรงเรียนในตอนอายุเท่านี้ ทำให้คุณยายได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เธอรู้สึกว่า ช่างดีจริงๆ
“ตอนที่ยังเล็ก ฉันไม่เคยได้ไปโรงเรียน เพราะฉันต้องเลี้ยงน้อง ตอนนี้ฉันแก่แล้ว ฉันได้ยินมาว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะได้ไปโรงเรียน เลยทำให้ฉันไปโรงเรียน และเพราะว่าฉันเรียน ฉันเลยได้รู้ว่าจะอ่านและเขียนภาษาเกาหลียังไง ฉันอยากขอบขอบคุณคุณครูสักร้อยๆ ครั้ง” คุณยายฮวังกล่าว
ในวัยเด็ก คุณยายฮวัง มีโอกาสไปโรงเรียนแค่วันเดียว เธอเล่าว่า หลังจากไปโรงเรียนวันแรก ในคืนนั้น พ่อของคุณยายสูญเงินเก็บทั้งหมดของครอบครัวไปกับการเล่นพนัน นับแต่นั้นมา คุณยายก็ไม่ได้ไปโรงเรียนอีกเลย เธอบอกว่าในตอนนั้น เธอรู้สึกอิจฉาเด็กๆ บ้านอื่นที่ได้ไปโรงเรียนกัน
โรงเรียนประถมแทกู ได้รับการอนุโลมจากกระทรวงศึกษาธิการของเกาหลีใต้ ให้สามารถรับนักเรียนสูงวัยเข้าเรียนได้เป็นช่วงเวลาสั้นๆ เพื่อรักษาโรงเรียนเอาไว้ และให้เรียนหลักสูตรที่ง่ายกว่าหลักสูตรสามัญ
“ตลอดชีวิตของคุณย่าคุณยาย พวกเธออุทิศและเสียสละตัวเองให้กับครอบครัว มันเป็นเรื่องทางวัฒนธรรมที่พ่อแม่จะที่ส่งแต่ลูกชายไปเรียนหนังสือ แต่จะไม่ส่งลูกสาวไปเรียนเลย รากเหง้าที่มาของเรื่องนี้ ก็คือ ความยากจน” ครูใหญ่อี กล่าว
ค่านิยม “ชายเป็นใหญ่” ที่เข้มงวดในสังคมเกาหลี ทำให้ผู้หญิงจำนวนมากในยุคก่อน ถูกปิดกั้นโอกาสทางการศึกษา ในตอนที่พวกเธอยังเป็นเด็ก
คุณยายฮวังเล่าว่า เธอเคยพยายามหัดอ่านเขียนด้วยตัวเองที่บ้าน โดยใช้ด้านหลังของกระดาษปฏิทินที่มีคนให้มาใช้ฝึกเขียนตัวหนังสือ คุณยายบอกว่า ตอนนั้นเธอสามารถเขียนได้เป็นชั่วโมงๆ โดยที่ไม่รู้สึกว่าเลยเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
“ฉันไม่รู้จักสัญลักษณ์ต่างๆ ฉันไม่รู้วิธีว่าจะขึ้นรถโดยสารไปโซลยังไง ดังนั้น ฉันบอกได้เลยว่า มันดีมากๆ ที่ได้เรียนเรื่องพวกนี้จากที่โรงเรียน ยิ่งไปกว่านั้น ฉันยังชอบที่ยังมีที่ให้ไปในตอนที่อายุขนาดนี้แล้ว จริงๆ ถ้าฉันยังอายุ 60 ฉันจะทำทุกทางเพื่อให้ได้เรียนต่อวิทยาลัยล่ะ” คุณยายฮวังกล่าว
เช่นเดียวกับ คุณยายพัค โกอี วัย 72 ปี ที่มีความสุขกับโอกาสเรียนหนังสือเป็นครั้งแรกในชีวิต เธอบอกว่า การได้เรียนตัวอักษรเกาหลีนั้นดีมาก ทำให้เธอสามารถอ่านสิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้
ขณะที่ คุณป้าพัค คยองซุน วัย 65 ปี บอกว่า ตอนนี้เวลาไปไหนมาไหนด้วยรถประจำทาง เธอไม่ต้องคอยถามคนขับรถว่ารถจะไปที่ไหน เพราะเธอสามารถอ่านป้ายบอกทางเองได้ และรู้ว่าปลายทางคือที่ไหน ซึ่งสะดวกมาก
ครูโจที่รับผิดชอบสอนชั้น ป.1 ที่โรงเรียนแทกู บอกว่า คุณย่ายคุณยายกระตือรือร้นมาก และอาจเป็นนักเรียนกลุ่มเดียวในโรงเรียนที่ขอการบ้านเพิ่ม
การคงอยู่ของโรงเรียนในชนบทเกาหลีใต้ ไม่ใช่แค่เหล่าคุณย่าคุณยายที่ได้ประโยชน์ แต่โรงเรียนจะช่วยรักษาอนาคตของชุมชนเอาไว้ด้วย
โน ซุนอา ลูกสะใภ้ของคุณยายฮวัง ซึ่งย้ายกลับมาอยู่ในพื้นที่ตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อน บอกว่า หากวันหนึ่งคนที่เคยย้ายเข้าเมืองเพื่อหางานและโอกาสที่ดีกว่า อยากกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิดกับครอบครัว “ใครจะอยากเริ่มต้นครอบครัวที่นี่ ถ้าไม่มีโรงเรียน” เธอกล่าว
คุณยายฮวังบอกว่า เธอจะลงสมัครเป็นประธานชมรมสตรีของหมู่บ้าน
“ก่อนหน้านี้คนเคยชวนฉันหลายครั้ง แต่ฉันปฏิเสธตลอด เพราะมันเป็นงานของคนที่อ่านออกเขียนได้” คุณยายฮวังกล่าว
ที่มา
South Korean Grandmas Help Save Schools in Areas With Low Birthrates by Enrolling in Class
South Korean grannies keeping a school alive