Skip to main content

 

Lachlan Brown ดิจิทัลโนแมดที่เคยปักหลักอยู่ที่เชียงใหม่ตั้งแต่ปี 2015 ปัจจุบันย้ายไปปักหลักในมาเลเซีย เขียนบทความลงในเว็บไซต์ Killer Startup อธิบายว่า ทำไม เชียงใหม่ และบาหลี จึงไม่ใช่เมืองที่สามารถดึงดูดใจดิจิทัลโนแมดอีกต่อไปแล้ว

Brow บอกว่า เมื่อสิบปีก่อน คนต่างชาติที่เคยไปอยู่เชียงใหม่หรือบาหลีซักพัก จะรู้ว่าที่นั่นเป็นสถานที่ในฝัน ทั้งค่าครองชีพต่ำ ผู้คนเป็นมิตร อินเทอร์เน็ตไวไฟเร็วแรง และมีชุมชนของยูทูบเบอร์ คริปโต และฟรีแลนซ์ แต่สิ่งเหล่านี้ได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

Brow บอกว่า “ดิจิทัลโนแมด” คนแล้วคนเล่ากำลังทิ้งเชียงใหม่และบาหลีไปอย่างเงียบๆ และเริ่มไปปักหลักในเมืองต่างๆ ที่เราอาจจะไม่เคยนึกมาก่อน

ส่วนเหตุผลว่า ทำไมดิจิทัลโนแมดจึงพากันทอดทิ้งเชียงใหม่และบาหลี Brow บอกว่า เมื่อสิบปีที่แล้ว ทั้งเชียงใหม่และบาหลีอยู่ในจุดที่ดี แต่มีหลายสิ่งที่ผลักให้ผู้คนลาจากในเวลาต่อมา ได้แก่

 

1. ผู้คนหนาแน่นเกินไป 


เชียงใหม่เคยเป็นเมืองที่สงบและกว้างขวาง แต่ปัจจุบัน โดยเฉพาะฤดูกาลท่องเที่ยว สภาพรถติดในโซนเมืองเก่าหนักหนาสาหัส การหาอพาร์ตเมนต์เช่าก็แพงและยากเย็นมากขึ้น และยังไม่รวมถึงการมีนักท่องเที่ยวเดินมากมายเต็มไปหมด

ขณะที่เมืองแคงกู เมืองเล็กๆ ทางตอนตะวันตกของเกาะบาหลี กลายเป็นเมืองที่ถูกพัฒนามากเกินไปจนทำให้มีสภาพการจราจรที่ติดขัดไม่ต่างจากสภาพในกรุงเทพฯ

 

2. ค่าครองชีพพุ่งสูง


อัตราเงินเฟ้อ การท่องเที่ยวและการหลั่งไหลของผู้คน ทำให้ค่าครองชีพของทั้งสองเมืองสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นเป็นมาก่อน ซึ่งตอนนี้ค่าเช่าบ้านราคาสูงถึง 1,000 ดอลลาร์แล้วในบางย่าน

 

3. ความน่าปวดหัวเรื่องวีซ่า


ทั้งไทยและอินโดนีเซีย การพักอยู่ระยะยาวมักหมายถึงการจ่ายเงินเพื่อต่อวีซ่าที่แพง นอกจากนี้ การต่อวีซ่ายังไม่มีแน่นอนชัดเจน และการไปที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแต่ละครั้งก็ใช้เวลามาก

 

Browบอกว่า บรรดาโนแมดต้องการอะไรที่ง่าย เมื่อเจอประสบการณ์เหล่านี้จึงถอดใจและพากันย้ายออกไปหาสถานที่แห่งใหม่ ใน 5 เมืองที่หลายคนอาจคาดไม่ถึงว่า จะกลายเป็นที่ที่บรรดาดิจิทัลโนแมดไปปักหลักแล้ว ซึ่งเป็นเมืองที่สงบ ค่าครองชีพไม่สูง และอยู่อย่างมีความสุข ไก้แก่

1. ดานัง เวียดนาม


ดานัง มีชายหาดที่สวยงามไม่แพ้บาหลี แต่ราคาเช่าอพาร์ตเมนต์ถูกกว่า ไวไฟเร็วและแรง และความพลุกพล่านน้อยกว่าโฮจิมินห์ ราคาอาหารสามารถซื้อได้ในราคา 2 ดอลลาร์ การเช่าอพาร์ตเมนต์ใหม่ๆ ในราคาเพียง 400 ดอลลาร์ และสามารถลงเล่นน้ำทะเลก่อนเข้าประชุมซูมได้

 

2. ทบิลิซี จอร์เจีย


ทบิลิซีเป็นม้ามืดในโลกของดิจิทัลโนแมด เป็นเมืองหลวงที่มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่สวยงาม เหมาะกับการเดินเท้าเที่ยวชมเมือง นอกจากนี้ยังสามารถขอวีซ่า 1 ปี และอยู่ได้โดยไม่ต้องเสียภาษี

ที่ทบิลิซี ผู้คนเป็นมิตร และค่าครองชีพต่ำหว่ายุโรปราวครึ่งหนึ่ง ขณะเดียวกันสตาร์ตอัพและธุรกิจด้านเทคโนโลยีกำลังเติบโต ส่วนอาหารจอร์เจียรสชาติดีและไวน์รสเลิศ

 

3. เมดิยิน โคลอมเบีย


เมดิยินเคยขึ้นชื่อว่า เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยอันตรายและความรุนแรงจากแก๊งพ่อค้ายาเสพติด แต่ตอนนี้เมืองกำลังเปลี่ยนแปลง เมดิยิน อากาศดีเหมือนเป็นฤดูใบไม้ผลิตลอดทั้งปี มีอินเทอร์เน็ตที่เร็ว และค่าครองชีพต่ำ

Brow บอกว่า ดิจิทัลโนแมดรักเมือง เอลโปพลาโด ที่อยู่ติดกับเมดิยิน ซึ่งเต็มไปด้วยโคเวิร์คกิ้งสเปซ คาเฟ่รูฟท็อป และชีวิตยามค่ำคืนที่มีสีสัน ส่วนค่าเช่าอาพาร์ตเมนต์พร้อมเฟอร์นิเจอร์เดือนละ 500 ดอลลาร์ และราคาอาหารไม่แพง แต่มีบางย่านของเมดิยินยังไม่ปลอดภัย

 

4. ปีนัง มาเลเซีย


Browบอกว่า คนส่วนใหญ่มักมองข้ามปีนังว่า เป็นจุดหมายปลายทางของดิจิทัลโนแมด แต่เมื่อเทียบกับกัวลาลัมเปอร์ ปีนังผ่อนคลายมากกว่า และมีวัฒนธรรมที่หลากหลายกว่า ทั้งยังเป็นสวรรค์ของอาหารนานาชนิด โดยเฉพาะสตรีทฟู้ดอาหารทะเล นอกจากนี้ ยังมีสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ดี คนทั่วไปสื่อสารภาษาอังกฤษได้ และมีการรักษาพยาบาลที่ดี ค่าเช่าที่พักราคาสมเหตุสมผล วีซ่ามีความยืดหยุ่นให้กับคนที่อยู่อาศัยระยะยาว

 

5. ลิสบอน โปรตุเกส


Browบอกว่า ลิสบอนเป็นเมืองที่มีไลฟ์สไตล์ในแบบที่ชาวยุโรปชอบ ทั้งแสงแดด การแข่งขันที่น้อยกว่า และอาหารที่ดีเยี่ยม ทั้งยังมีชุมชนชาวต่างชาติ มีโคเวิร์คกิ้งสเปซมากมาย และมีสตาร์ตอัพทางด้านพลังงาน นอกจากนี้ โปรตุเกสยังเป็นหนึ่งในประเทศที่เปิดวีซ่าให้กับดิจิทัลโนแมดที่ดีที่สุดของโลก แม้ว่าค่าที่พักจะเริมแพงขึ้น แต่ก็ยังคงถูกกว่าลอนดอน ปารีส หรือแม้แต่เบอร์ลิน


ที่มา
Digital nomads are abandoning Bali and Chiang Mai – the unexpected locations they’re moving to now