Skip to main content

 

สิงคโปร์และญี่ปุ่นกำลังเป็นผู้นำในเอเชียด้านการนำรูปแบบการทำงานระยะไกล (Remote Work) มาใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการระบาดของโควิด-19

ผลการสำรวจล่าสุดระบุว่า บริษัทและธุรกิจต่างๆ ในประเทศสิงคโปร์และประเทศญี่ปุ่นกำลังเป็นผู้นำในเอเชียในด้านการนำแนวทางการทำงานที่ยืดหยุ่น หรือรูปแบบการทำงานระยะไกล (Remote Work) มาใช้ในการทำงาน โดยอนุญาตให้พนักงานใช้เวลาทำงานส่วนใหญ่นอกออฟฟิศ

การสำรวจของบริษัทจัดหางาน Hays พบว่า ร้อยละ 45 ของบริษัทในสิงคโปร์มีนโยบายให้พนักงานเข้ามาทำงานในออฟฟิศ 4 วันต่อสัปดาห์ และร้อยละ 32 เริ่มต้นให้พนักงานมาทำงานที่ออฟฟิศ 3 วันต่อสัปดาห์ ขณะที่บริษัทต่างๆ ในญี่ปุ่นมากกว่าร้อยละ 40 อนุญาตให้พนักงานเข้ามาทำงานในออฟฟิศ 4 วันต่อสัปดาห์หรือน้อยกว่านั้น

Hays ระบุว่า “บรรทัดฐานของสถานที่ทำงานแบบเดิมได้ถูกเปลี่ยนแปลงในสิงคโปร์และญี่ปุ่น” โดยพนักงานไม่ถึง 2 ใน 5 ใช้เวลาทำงานทั้งสัปดาห์ในออฟฟิศ ทั้งนี้ นโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงาน ก็เป็นปัจจัยที่เข้ามาช่วยเสริมสร้างการเปลี่ยนแปลงการทำงานให้กลายเป็นรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นมากขึ้นด้วยเช่นกัน

การทำงานที่ยืดหยุ่น ได้กลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับบริษัทต่างๆ ที่ต้องการรักษาพนักงานของตัวเองเอาไว้ ท่ามกลางปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะที่หลายประเทศกำลังเผชิญอยู่ ซึ่งการสำรวจล่าสุดได้ชี้ให้เห็นว่า พนักงานบริษัทมากกว่าร้อยละ 47 ระบุว่า รูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการเลือกทำงานกับบริษัทนั้นๆ รองลงมาคือ ประกันสุขภาพ และวันหยุดพักร้อน ในทางกลับกัน ความมั่งคงของงานเป็นปัจจัยที่พนักงานให้ความสนใจน้อยกว่าปัจจัยอื่นๆ ซึ่งกลายเป็นความท้าทายที่สำคัญในการรักษาพนักงานให้อยู่กับองค์กรในญี่ปุ่น

 

อ้างอิง
Singapore, Japan lead Asia in remote work adoption: survey
Singapore and Japan lead Asia in remote work adoption