Skip to main content

ณัฐพงศ์ บุญตอบ นักวิจัยอาวุโสมูลนิธิไทยโรดส์ กล่าวในเวทีเสวนาผ่านระบบซูม จัดโดย สสส. และ สอจร. เรื่อง 'เร็ว 120 กม.ต่อชั่วโมง เบาได้เบาหน่อย' ว่า หลังจากมีประกาศราชกิจจานุเบกษากำหนดอัตราความเร็วของยานพาหนะบนทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงชนบทที่กำหนด พ.ศ. 2564 น้อยคนนักที่จะเข้าไปอ่านในรายละเอียดว่าความเร็วที่กำหนดใช้กับรถยนต์ประเภทใด หรือ ถนนเส้นไหนใช้ความเร็วได้ถึง 120 กม./ชม.

ซึ่งเงื่อนไขของถนนที่จะใช้ความเร็วได้ 120 กม./ชม. มี 4 ข้อ ประกอบด้วย 1.ช่องจราจรมี 4 ช่อง ไปสอง กลับสอง 2. เกาะกลางถนนต้องมีชัดเจน รถไม่สามารถวิ่งข้ามผ่านได้ 3.ต้องเป็นถนนทางตรงห้ามมีจุดกลับรถ และ4. เป็นเส้นทางที่ประกาศโดยหน่วยงานที่รับผิดชอบ คือ กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท ซึ่งปัจจุบันทราบมาว่าทั้งสองหน่วยงานกำลังรวบรวมเส้นทาง

ณัฐพงศ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพบว่าการสื่อสารให้ประชาชนได้รับทราบยังมีน้อยมาก ว่าถนนเส้นใดใช้ความเร็วได้ถึง 120 กม./ชม. อย่างไรก็ตามเห็นว่าหากถนนเส้นใดใช้ความเร็วได้ ต้องติดตั้งอุปกรณ์แจ้งเตือนให้ประชาชนทราบก่อนเข้าเขตความเร็ว ไม่ใช่มีป้ายแล้วเข้าเส้นทางเลย อาจทำให้ประชาชนทำผิดกฎจราจรและทำให้ไม่เกิดความปลอดภัยได้

ทั้งนี้การแจ้งเตือนอาจทำป้ายค่อมไปกับถนนให้เห็นเด่นชัดว่าใกล้เข้าเขตใช้ความเร็วแล้ว แต่เรื่องสำคัญถนนประเทศไทยมีเพียงมอเตอร์เวย์เท่านั้นที่ออกแบบตามหลักวิศวกรรมให้รองรับความเร็วที่ 120 กม./ชม.ได้ ส่วนถนนอื่นๆ เป็นการปรับปรุงหรือขยาย บนพื้นฐานรองรับความเร็วที่ 90-100 กม./ชม. ยังไม่มีถนนเส้นไหนที่ทำมาสำหรับรองรับความเร็ว 120 กม./ชม.

นักวิจัยอาวุโส กล่าวด้วยว่า ผลวิจัยของประเทศออสเตรเลียระบุการลดความเร็วได้ 10% สามารถลดอัตรการตายเกือบครึ่งหนึ่ง ดังนั้นในทางกลับกันหากความเร็วเพิ่มความเร็ว 120 กม./ชั่วโมง อัตราการเสียชีวิตอาจจะเพื่มขึ้นเกือบ 100% แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะการชนด้วย 

ขณะที่ นิกร จำนง ประธานมูลนิธิประชาปลอดภัยและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานเครือข่ายสมาชิกรัฐสภาด้านความปลอดภัยทางถนนภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก โพสต์ในเฟซบุ๊ก ว่าได้ออกหนังสือแจ้งสมาชิกรัฐสภาในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกทั้ง 22 ประเทศ รวมทั้งในประเทศไทยด้วย ให้ร่วมกันจัดกิจกรรมลดความเร็ว ในโอกาสสัปดาห์ความปลอดภัยทางถนนโลกครั้งที่ 6 ซึ่งจะร่วมกันเผยแพร่ กิจกรรมร่วมกันทั้งโลก ในวันที่ 19 พ.ค.นี้ โดยประเทศไทยกำลังหารือกันเพื่อจัดกิจกรรมสนับสนุนดังกล่าวร่วมกับเครือข่ายทั่วโลกด้วยแล้ว เพิ่งออกหนังสือไปยัง Legislators 22 ประเทศในเอเซียเปซิฟิก เรื่องให้ลดความเร็ว ในขณะที่ประเทศแม่ของประธาน เพิ่มความเร็วเป็น 120 กม./ชม. รู้สึกด้วยตนเองว่าเป็นเรื่องที่น่าอับอายมาก