Skip to main content

เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (17 ก.ค.) ศบค. รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10,082 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 141 ราย มาจาก 10 จังหวัดสีแดงเข้ม 117 ราย และจำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสมในประเทศตั้งแต่ต้นปี 63 จนถึงล่าสุดอยู่ที่ 391,989 ราย โดยมีผู้ป่วยรักษาหายแล้ว 278,184 ราย เพิ่มขึ้น 6,327 ราย ยอดเสียชีวิตสะสมเพิ่มเป็น 3,240 ราย

ขณะที่จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงสุด 10 อันดับ ได้แก่ กรุงเทพฯ 2,302 ราย, สมุทรปราการ 849 ราย, สมุทรสาคร 680 ราย, ชลบุรี 659 ราย, นนทบุรี 471 ราย, นครปฐม 288 ราย, สงขลา 286 ราย, ปทุมธานี 251 ราย, ฉะเชิงเทรา 245 ราย และยะลา 196 ราย ยังคงมีการพบคลัสเตอร์ใหม่ในจังหวัดสมุทรสาคร, ชลบุรี, นนทบุรี, นครปฐม, ปราจีนบุรี, พระนครศรีอยุธยา, สระบุรี, กาญจนบุรี, และจากคลัสเตอร์เดิมที่มีการพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้น

ศบค

 

กรมควบคุมโรค ชี้หากไม่ยกระดับมาตรการ อาจทำให้ผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตมากไปอีก 3-4 เดือน

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในวงกว้างขณะนี้ หากไม่มีการมาตรการเพิ่มเติม จะทำให้มีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจำนวนมากไปอีกอย่างน้อย 3-4 เดือน ทำให้ต้องมียกระดับมาตรการเพื่อควบคุมโรค โดยเฉพาะการจำกัดการเดินทาง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการลดการแพร่ระบาดของโรค
           
นพ.โอภาส กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงสำคัญของการติดเชื้อจากการระบาดระลอกนี้ แตกต่างจากก่อนหน้านี้มาก เพราะพบการระบาดแพร่เชื้อจากคนในครอบครัว เพื่อนบ้าน ติดไปถึงผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงสำคัญ จนทำให้มีอาการป่วยรุนแรงและเสียชีวิต จนถึงวันนี้ยังมีการลักลอบเล่นการพนัน รวมกลุ่มเพื่อน จัดปาร์ตี้ในบ้านและนอกบ้าน เป็นความเสี่ยงที่ทำให้การแพร่ระบาดของโรคไม่ลดลง
          
"ความร่วมมือของทุกฝ่าย งดออกจากบ้าน ทำงานที่บ้านให้มากที่สุด ลดความเสี่ยงจากการไปติดเชื้อนอกบ้าน เวลาอยู่บ้านต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่อพูดคุยกับสมาชิกในบ้าน ทำความสะอาดอุปกรณ์ที่จับร่วมกันบ่อยๆ ความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกท่าน เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้สถานการณ์การแพร่ระบาดที่มีระดับสูงมาก กลับมาดีขึ้นได้ในเร็ววัน" นพ.โอภาส กล่าว
          
ขณะที่มีรายงานข่าวว่า ศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) เตรียมเสนอมาตรการล็อกดาวน์กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งปิดกิจกรรม กิจการ 100% ยกเว้นการขนส่งสินค้า อาหาร ยา วัคซีน สื่อสารและสาธารณูปโภค อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่ยืนยันว่ามีข้อสรุปอย่างไร โดยในวันพรุ่งนี้ (18 ก.ค.) ศบค.จะมีการชี้แจงและทำความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการเข้มข้นที่กำลังจะบังคับใช้ให้สื่อทราบโดยละเอียด

 

สมช. จ่อเชิญสื่อโทรทัศน์ หารือกำหนดทิศทางนำเสนอข่าวโควิด

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) เตรียมเชิญตัวแทนสื่อมวลชนในส่วนของสถานีโทรทัศน์ ในระดับผู้มีอำนาจตัดสินใจในการกำหนดทิศทางการนำเสนอข่าวเข้าหารือ ในวันที่ 18 ก.ค.นี้ เวลา 13.30 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล คาดว่าเป็นการหารือเพื่อกำหนดทิศทางการนำเสนอข่าวสารต่างๆ โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19

         

รามาฯ - รพ.ตำรวจ - รพ.สมเด็จประปิ่นเกล้า ปิดให้บริการป้องฉุกเฉิน หลังมีบุคลากรการแพทย์ติดโควิดจำนวนมาก

รพ.รามาธิบดี ได้ออกประกาศแจ้งงดให้บริการที่ห้องฉุกเฉินยกเว้นในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น, ลดการมาตรวจที่หน่วยตรวจผู้ป่วยนอก นัดตรวจทางไกล Telemedicine และรับยาทางไปรษณีย์ และงดผ่าตัดที่นัดล่วงหน้า (Elective Case) ทุกประเภทยกเว้นกรณีเร่งด่วนฉุกเฉินเท่านั้น เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทวีความรุนแรงและแพร่กระจายเป็นวงกว้าง มีผู้ป่วยเข้ามารับการรักษาเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะนี้มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่รับไว้ดูแล 1,000 ราย ผู้ป่วยแยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) กว่า 350 รายผู้ป่วยรอค้างเข้ารักษาในโรงพยาบาลกว่า 200 ราย และรอค้างที่ห้องฉุกเฉินเป็นจำนวนมาก

ขณะที่บุคลากรที่ปฏิบัติงานภายในคณะฯ ติดเชื้อสะสมกว่า 300 ราย ทำให้โรงพยาบาลขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ที่จะดูแลผู้ป่วย การให้บริการใกล้ถึงขั้นเกินขีดความสามารถที่จะสามารถดูแลประชาชน

รพ.รามาธิบดี

ด้านรพ.ตำรวจ ได้ออกประกาศแจ้งแนวทางให้บริการของรพ. ดังนี้ งดรับบริการห้องฉุกเฉินและอุบัติเหตุ แต่เปิดให้บริการเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตที่มีความจำเป็นเร่งด่วน, งดรับผู้ป่วยใหม่ ยกเว้นกรณีฉุกเฉิน หรือเร่งด่วน, งดผ่าตัดและหัตถการที่ไม่จำเป็น ยกเว้น กรณีฉุกเฉิน หรือเร่งด่วน, ลดการให้บริการผู้ป่วยนอก (OPD) และงดเยี่ยมผู้ป่วยใน ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค.เป็นต้นไปจนกว่าจะมีการประกาศเปลี่ยนแปลง

รพ.ตำรวจ

ส่วน รพ.สมเด็จพระปิ่นเกล้า ได้ออกประกาศขอปิดให้บริการห้องตรวจฉุกเฉินและห้องตรวจโรคนอกเวลาราชการ ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 18 ก.ค. 64 เวลา 18.00 น.