Skip to main content

โจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกา ประกาศแผนยกชำระหนี้การศึกษาเมื่อวานนี้ (24 ส.ค.) ​ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเคยสัญญาไว้ โดยแผนดังกล่าวจะมีผลต่อชาวอเมริกันหลายล้านคน

ภายใต้นโยบายของไบเดน จะมีการปลดหนี้มูลค่า 10,000 ดอลลาร์ หรือราว 359,000 บาท และจะเพิ่มการลดหย่อนอีก 10,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 359,000 บาท) สำหรับผู้ที่มีความเดือนร้อนทางการเงินเป็นพิเศษ

ผู้ที่จะได้รับสิทธินี้ ต้องมีรายได้ไม่เกิน 125,000 ดอลลาร์ต่อปี (ประมาณ 4.48 ล้านบาท) หรือมีรายได้ครัวเรือนต่ำกว่า 250,000 ดอลลาร์ (ราว 8.97 ล้านบาท) ส่วนผู้ที่กู้เงินจากกองทุน Pell Grants สำหรับคนที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษเพื่อเรียนขั้นปริญญาตรี จะเป็นกลุ่มที่รัฐบาลกลางเพิ่มการลดหย่อนหนี้อีก 10,000 ดอลลาร์  (ประมาณ 359,000 บาท) ตามรายงานของเอพี

นอกจากนี้ประธานาธิบดีไบเดนจะมีการยืดเวลาชำระหนี้ต่อไปสำหรับผู้ที่กู้เงินจากรัฐบาลเพื่อการศึกษาไปจนสิ้นปีนี้(65) แต่ครั้งนี้จะเป็น "ครั้งสุดท้าย"

เอพีรายงานว่าแผนดังกล่าวน่าจะเจอเเรงต้านทางกฎหมาย แต่หากมีการใช้จริง จะมีคนจำนวนมากที่ได้รับประโยชน์ ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ ที่ประชาชนจะเลือก ส.ว.และส.ว. ชุดใหม่เข้าสภา

ข้อมูลของรัฐบาลกลางชี้ว่ามีประชาชนกว่า 43 ล้านคนที่กู้เงินเพื่อการศึกษาจากรัฐบาลกลาง โดยมีมูลค่าหนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 37,667 และทำเนียบขาวประเมินว่าการปลดหนี้ครั้งนี้จะช่วยประชาชนอเมริกันได้ราว 20 ล้านคน

ผู้ที่เห็นด้วยกับนโยบายนี้มองว่า เป็นการช่วยลดความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยสถิติจากสถาบันวิจัยด้านนโยบาย Brookings Institution พบว่า คนผิวดำในอเมริกาเป็นหนี้มากกว่าคนผิวขาวโดยเฉลี่ยเกือบ 25,000 ดอลลาร์ (ประมาณ 898,000 บาท)

อย่างไรก็ตาม มีผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับท่าทีของไบเดน ซึ่งมีทั้งผู้ที่เรียกร้องให้เขาออกมาตรการช่วยเหลือมากกว่านี้ และผู้ที่ตั้งคำถามเรื่องความยุติธรรมต่อความพยายามช่วยปลดหนี้ที่ครอบคลุมกว้างขวางครั้งนี้

ที่มา : ไบเดนประกาศแผนยกชำระ "เงินกู้เพื่อการศึกษา" - หวังช่วยประชาชน 20 ล้านคน