Skip to main content

 

ชาวอเมริกันเกือบ 42 ล้านคน กำลังเผชิญกับการเข้าไม่ถึงโครงการช่วยเหลือด้านอาหารที่สำคัญที่สุด ซึ่งเป็นผลจากภาวะ “ชัตดาวน์” หรือการที่หน่วยงานของรัฐบาลกลางต้องปิดทำการชั่วคราว เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณประจำปีได้สำเร็จ

โครงการความช่วยเหลือด้านอาหารสำหรับผู้มีรายได้น้อย หรือ Supplemental Nutrition Assistance Program (SNAP) เป็นเงินช่วยเหลือรายเดือนสำหรับการซื้ออาหารที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น ผัก ผลไม้ ข้าว แป้ง พาสต้า ธัญพืช เนื้อสัตว์ ปลา นม ไข่ อาหารกระป๋อง โดยที่ไม่สามารนำไปใช้ซื้อสุรา บุหรี่ อาหารที่ปรุงแล้วสำหรับกินในร้าน และของใช้อื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหาร

เอ็ด โบเลน ผู้อำนวยการฝ่ายยุทธศาสตร์ของโครงการ SNAP บอกว่า หากไม่มีความช่วยเหลือจากโครงการนี้ หรือที่เรียกกันว่า “คูปองอาหาร” ผู้รับสิทธิ์จำนวนมากจะต้องเลือกตัดสินใจใช้เงินที่มีอยู่อย่างจำกัดระหว่าง อาหาร ค่าเช่าบ้าน ยา กับค่าใช้จ่ายในการทำความร้อนสำหรับอากาศที่หนาวเย็นในฤดูหนาว

ข้อมูลล่าสุดของ กระทรวงเกษตรของสหรัฐ ระบุว่า ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีชาวอเมริกันเกือบ 42 ล้านคน หรือราว 1 ใน 8 ของประชากรที่รับเงินช่วยเหลือจากโครงการ SNAP และในปีงบประมาณปี 2023 พบว่า ครัวเรือนที่มีเด็ก ผู้สูงอายุ หรือคนพิการ มีสัดส่วนถึงร้อยละ 83 ของผู้ที่รับความช่วยเหลือทั้งหมด ซึ่งครัวเรือนหนึ่งจะได้รับเงินช่วยเหลือเฉลี่ยราว 350 ดอลลาร์ต่อเดือน และโดยทั่วไปพวกเขามักจะใช้เงินหมดภายในเดือนนั้นๆ

สภาพดังกล่าว ทำให้ชาวอเมริกันหันไปพึ่งพาธนาคารอาหาร และองค์กรความช่วยเหลือในระดับชุมชน แต่หน่วยงานเหล่านี้ก็กำลังประสบปัญหาด้านการเงิน เนื่องจากราคาอาหารที่เพิ่มสูงขึ้น ร่วมกับจำนวนผู้ขอรับความช่วยเหลือเพิ่มมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

เซเลีย โคล ซีอีโอของ สมาคมธนาคารอาหารรัฐเท็กซัส บอกว่า การชัตดาวน์รอบนี้ เป็นอีกแรงกดดันต่อระบบอาหารฉุกเฉินที่ตึงเครียดอยู่แล้ว ซึ่งขณะนี้มีชาวเท็กซัสกว่า 3.5 ล้านคนที่ต้องพึ่งพาเงินจากโครงการ SNAP

กระทรวงเกษตรของสหรัฐ ซึ่งกำกับดูแล SNAP ระบุว่า ขณะนี้กระทรวงไม่มีเงินจำนวน 8 พันล้านดอลลาร์ สำหรับนำมาใช้จ่ายเพื่อช่วยเหลือในโครงการนี้สำหรับเดือนพฤศจิกายน จากปัญหาทางตันด้านงบประมาณที่ทำให้หน่วยงานรัฐบาลต้องปิดทำการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา

ขณะนี้ รัฐบาลท้องถิ่นในหลายรัฐเริ่มจัดงบฉุกเฉินของตัวเองเพื่อให้ความช่วยเหลือเร่งด่วนแล้ว เช่น นิวยอร์ก เร่งจัดงบ ประมาณ 30 ล้านดอลลาร์ เพื่อจัดหาอาหารกว่า 16 ล้านมื้อ และเพิ่มอีก 11 ล้านดอลลาร์ให้โครงการช่วยเหลือท้องถิ่น,  มินนิโซตา จัดสรรงบประมาณ 4 ล้านดอลลาร์ให้กับธนาคารอาหารของรัฐ, เซาท์แคโรไลนา เปิดกองทุนการกุศลระดับรัฐที่ปกติใช้ช่วยเหลือหลังภัยพิบัติ เช่น พายุเฮอร์ริเคน, เวอร์จิเนีย จะสร้างระบบช่วยเหลืออาหารของรัฐโดยใช้เงินส่วนเกินจากงบประมาณคาดว่าจะมีค่าใช้จ่ายราว 37.5 ล้านดอลลาร์ต่อสัปดาห์

อย่างไรก็ดี มาตรการเหล่านี้ไม่สามารถทดแทนเงินช่วยเหลือจากโครงการ SNAP ได้เต็มที่ เพราะที่นิวยอร์กเพียงรัฐเดียวได้รับเงินช่วยเหลือจาก SNAP มากกว่า 647 ล้านดอลลาร์ ที่มินนิโซตา 71 ล้านดอลลาร์

ล่าสุด รัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า จะจ่ายเงินช่วยเหลืออาหารในโครงการ SNAP ให้ในจำนวนครึ่งหนึ่งของจำนวนปกติสำหรับเดือนพฤศจิกายน แต่ผู้รับสิทธิจะยังไม่ได้รับเงินในทันที ซึ่งท่าทีดังกล่าวของรัฐบาลเป็นผลจากคำสั่งของศาลรัฐบาลกลางในรัฐโรดไอแลนด์ ให้กระทรวงเกษตรสหรัฐต้องจ่ายเงินช่วยเหลือเต็มจำนวน หรืออย่างน้อยต้องจ่ายบางส่วนให้กับผู้ที่มีสิทธิ์รับความช่วยเหลือจากโครงการ SNAP  


ที่มา
Here’s why the shutdown has put food stamp benefits at risk
Trump administration will provide only half of usual food stamp benefits in November