Skip to main content

 

มีชาวอเมริกันเพียงร้อยละ 10 ที่บอกว่า ปี 2025 เป็น “ปีที่ยอดเยี่ยม” ขณะที่ส่วนใหญ่ร้อยละ 39 รู้สึกว่า ไม่ถึงกับแย่ แต่ก็ไม่ดี, ร้อยละ 19 บอกว่า เป็นปีที่แย่ และร้อยละ 10 บอกว่า เป็นปีที่เลวร้าย

ผลสำรวจล่าสุดของ Talker Research สอบถามชาวอเมริกัน 2,000 คนจากทั่วประเทศ โดยขอให้ทบทวนว่า “รู้สึกอย่างไรกับปี 2025 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป” พบว่า มีชาวอเมริกันเพียงร้อยละ 10 ที่บอกว่า โดยรวมแล้วถือเป็นปีที่ “ยอดเยี่ยม” ส่วนที่เหลือ ความรู้สึกมีตั้งแต่ “ไม่ถึงกับแย่ แต่ก็ไม่ดี” ไปจนถึง “เป็นปีที่เลวร้าย” โดยที่เกือบร้อยละ 90 ของชาวอเมริกัน ปี 2025ไม่ใช่เป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมสำหรับพวกเขา แต่เป็นปีที่หลายคนรู้สึกผิดหวังอย่างมาก

“เงิน” คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ความผิดหวังเด่นชัดขึ้น ค่าครองชีพที่สูงขึ้น หนี้สิน และความรู้สึกว่าเงินเดือนซื้อข้าวของได้น้อยลงทุกปี ล้วนมีผลต่อการประเมินความสุขของอเมริกันชน แม้แต่ผู้ที่บอกว่า มีฐานะการเงินมั่นคง ก็ยังสะท้อนถึงความเครียดเรื่องที่อยู่อาศัย ค่ารักษาพยาบาล และความมั่นคงในระยะยาว

ส่วนเรื่อง “สุขภาพจิต” ก็มีบทบาทสำคัญในการตัดสินว่าปีนี้เป็นอย่างไร หลายคนพูดถึงความอ่อนล้าและความรู้สึกติดอยู่ในกิจวัตรซ้ำๆ จนยากจะมีความหวัง สะท้อนถึงความอึดอัดจากเรื่องงาน ภาวะหมดไฟ และความไม่สบายใจ

สิ่งที่น่าสนใจคือ คนร้อยละ 10 ที่บอกว่า ปี 2025 นั้น “ยอดเยี่ยม” การสำรวจพบว่า พวกเขาไม่ได้มีชีวิตที่แตกต่างจากคนทั่วไปแบบสุดขั้ว แต่มักมีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่เข้มแข็ง มีความคาดหวังที่สามารถจัดการได้ และมีความรู้สึกว่า ยังควบคุมเวลาของตัวเองได้ การมองโลกในแง่ดีของคนกลุ่มนี้จึงไม่ได้มาจากความสำเร็จภายนอก แต่เกิดจากความรู้สึกมั่นคงและความผูกพันที่มีต่อคนรอบตัว

รายงานการสำรวจเผยว่า ความไม่พอใจกับปี 2025 เป็นแรงผลักให้ผู้คนหันกลับมาจริงจังกับการพัฒนาตัวเอง และหวังว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างตั้งใจจะช่วยพลิกชีวิตให้ดีขึ้นได้ โดยปณิธานปีใหม่ยอดนิยมในปี 2026 คือ การออมเงินและการออกกำลังกายให้มากขึ้น ตามมาด้วยการดูแลสุขภาพร่างกายให้ดีขึ้น, การกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ, การปรับปรุงสุขภาวะทางการเงิน, การใช้เวลากลางแจ้งให้มากขึ้น และการดูแลสุขภาพจิต

ส่วนปัจจัยที่จะทำให้ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ คนเจน Z, มิลเลนเนียล และเจน X ระบุว่า “เงินไม่พอ” คืออุปสรรคใหญ่ที่สุดในการทำตามปณิธานปีใหม่ ขณะที่เบบี้บูมเมอร์มองเรื่อง “การขาดแรงใจหรือความไม่มีวินัย” คือปัญหาหลัก นอกจากนี้ ปัญหาเรื่องสุขภาพจิต และการไม่มีเวลา ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้หลายคนระบุว่า เป็นอุปสรรคทำให้ไปไม่ถึงเป้าหมายได้ด้วยเช่นกัน

การที่ปณิธานปีใหม่ไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจ การสำรวจพบว่า คนเจน Z มีแนวโน้มจะโทษตัวเองหรือรู้สึกผิดเมื่อทำไม่สำเร็จ ขณะที่คนรุ่นมิลเลนเนียล คนเจน X และเบบี้บูมเมอร์ มักยอมรับความล้มเหลวแล้วเดินหน้าต่อไป

รายงานการสำรวจชี้ว่า สิ่งนี้สะท้อนว่า คนมีความเมตตาต่อตัวเองเพิ่มขึ้นตามวัย คนที่อายุมากน่าจะผ่านความล้มเหลวมาแล้วหลายครั้ง จนรู้ว่าการสะดุดไม่ได้หมายความว่าต้องล้มเลิก ขณะที่คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะเจน Z มักเอาความล้มเหลวมาเป็นเรื่องส่วนตัว

เมื่อพูดถึงการดูแลสุขภาพจิต คนแต่ละรุ่นมีวิธีที่ต่างกัน เจน Z พึ่งพาการใช้เวลากับครอบครัวและการนอนหลับ  คนมิลเลนเนียล ใช้การฟังเพลงและพอดแคสต์ ขณะที่เจน X และเบบี้บูมเมอร์ นิยมการขยับร่างกายโดยการออกไปเดินข้างนอกเป็นประจำ


ที่มา
90% of Americans Didn’t Have a Great Time in 2025
2025 Was A ‘Great’ Year For Just 1 In 10 Americans