รองศาสตราจารย์ Gilles Gignac จากคณะจิตวิทยา มหาวิทยาลัยเวสเทิร์นออสเตรเลีย เขียนบทความอ้างอิงงานวิจัยของเขาและทีม เผยแพร่ในเว็บไซต์ The Conversation เมื่อกลางเดือนตุลาคม 2025 เผยว่า ความสามารถของสมองและจิตใจของเราจะอยู่ใน “จุดพีค” หรือจุดที่สูงที่สุดในช่วงวัย 55 ถึง 60 ปี ซึ่งช่วงอายุดังกล่าวไม่ใช่วัยแห่งความถดถอยแบบที่เคยรับรู้กันมาก่อนหน้านี้
รองศาสตราจารย์ Gilles บอกว่า ความแข็งแรงของร่างกาย ความยืดหยุ่นของผิวหนัง และความสามารถในการเจริญพันธุ์อาจอยู่ในจุดสูงสุดเมื่อตอนที่เราอายุน้อย แต่ผลการวิจัยใหม่ของเขาและทีมพบว่า ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของสมองและจตใจอยู่ในวัยที่มากกว่านั้นมาก
การศึกษานี้ตีพิมพ์ในวารสาร Intelligence โดยวิเคราะห์ข้อมูลที่วัดความสัมพันธ์ระหว่างอายุกับความสามารถด้านต่างๆ เช่น การให้เหตุผล ความจำระยะสั้น ความเร็วในการประมวลผล ความรู้ และสติปัญญาทางอารมณ์ โดยทีมวิจัยเน้นการวิเคราะห์บุคลิกที่สำคัญ 5 ประการ ได้แก่ การชอบเข้าสังคม ความมั่นคงทางอารมณ์ ความมีวินัย ความเปิดรับประสบการณ์ใหม่ และความเป็นมิตร โดยมุ่งเน้นไปที่การศึกษาลักษณะทางจิตใจที่วัดได้แม่นยำ มีความคงทน และส่งผลต่อการทำงานในโลกจริง
การศึกษานี้ นำงานวิจัยขนาดใหญ่ที่มีอยู่แล้วมาวิเคราะห์ โดยทำให้ข้อมูลอยู่ในมาตรฐานสเกลเดียวกัน เพื่อเปรียบเทียบถึงพัฒนาการตลอดอายุขัย โดยพบว่า ความสามารถบางอย่างจะพัฒนาจนถึงจุดสูงสุดในช่วงอายุมากขึ้น เช่น ความมีวินัยจะอยู่ในจุดสูงสุดที่อายุ 65 ปี ความมั่นคงทางอารมณ์จะถึงจุดสูงสุดที่อายุราว 75 ปี
รองศาสตราจารย์ Gilles ระบุว่า ก่อนหน้านี้มีงานวิจัยจำนวนมากชี้ว่า จุดสูงสุดทางร่างกายของเราจะอยู่ในช่วงอายุประมาณ 20 กลางๆ ถึงต้น 30และงานวิจัยอีกจำนวนมากชี้ว่า ความสามารถทางสติปัญญาที่ไม่จำเป็นต้องใช้ประสบการณ์ เช่น การให้เหตุผล การจดจำ และการประมวลผลข้อมูลอย่างรวดเร็ว จะเริ่มลดลงตั้งแต่ช่วงอายุ 20 กลางๆ เป็นต้นไป รูปแบบนี้เห็นได้ชัดในนักกีฬาที่มักถึงจุดพีคก่อนอายุ 30 นักคณิตศาสตร์ที่สร้างผลงานสำคัญที่สุดของชีวิตอยู่ในช่วงอายุ 30 กลางๆ หรือแชมป์หมากรุกก็มักจะไม่อยู่จุดสูงสุดหลังอายุ 40 ปี
งานวิจัยของรองศาสตราจารย์ Gilles และทีมพบว่า การทำงานทางจิตใจและสมองของเราจะเติบโตถึงจุดสูงสุดช้ากว่านั้นมาก โดยทั่วไปจะอยู่ที่ช่วงอายุระหว่าง 55 ถึง 60 ปี จากนั้นการทำงานของสมองจะเริ่มลดลงเมื่ออายุ 65 ปี และการลดลงจะชัดเจนยิ่งขึ้นหลังอายุ 75 ปีไปแล้ว
งานวิจัยพบว่า คุณลักษณะบางอย่าง เช่น การใช้เหตุผลทางศีลธรรม จะพัฒนาเต็มที่ในวัยผู้ใหญ่ตอนปลาย ความสามารถในการต้านอคติทางความคิด ก็อาจพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนถึงช่วงอายุ 70 หรือแม้แต่ 80 ปี
“ผลการวิจัยนี้อาจช่วยอธิบายว่า ทำไมตำแหน่งผู้นำระดับสูงในธุรกิจ การเมือง และสังคม จึงมักอยู่ในมือของคนที่อายุ 50 ปลายๆ ถึงต้น 60 แม้ว่าความสามารถบางอย่างจะลดลงตามอายุ แต่มีอีกหลายด้านเติบโตขึ้น ทำให้เกิดความสมดุลด้านการตัดสินใจและไตร่ตรอง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของผู้นำ” รองศาสตราจารย์ Gilles กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้มีข้อมูลเชิงบวกมากมายเกี่ยวกับอายุและความสามารถทางจิตใจ แต่ผู้สูงวัยก็ยังคงเผชิญอุปสรรคในการหางานใหม่ หรือการรักษาตำแหน่งงานในองค์กร
การสำรวจในหัวข้อ “ผู้สูงวัยในสถานที่ทำงาน” เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเว็บไซต์ Resume Now พบว่า ร้อยละ 90 ของแรงงานที่อายุ 40 ปีขึ้นไป เผชิญกับการเลือกปฏิบัติด้านอายุในที่ทำงาน โดยราวครึ่งหนึ่งระบุว่า นายจ้างมักจะเลือกจ้างงานคนที่อายุน้อยเป็นหลัก
นายจ้างบางรายมองว่า การจ้างงานคนวัย 50 กลางๆ เป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า อีกทั้งงานบางประเภทที่ต้องใช้ความจำและสมาธิสูง เช่น นักบินและเจ้าหน้าที่ควบคุมการบิน ที่กำหนดอายุเกษียณไว้ที่ 65 ปีหรืออายุน้อยกว่านั้น
รองศาสตราจารย์ Gilles ย้ำว่าประสบการณ์และความสามารถของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันมาก และอายุเพียงอย่างเดียวอาจไม่ใช่ตัวชี้วัดสมรรถนะทางปัญญา เขาเชื่อว่าการคัดเลือกและประเมินงานควรยึดตามความสามารถจริง ไม่ใช่อคติเรื่องอายุ และหวังว่า ผลการศึกษาในครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการจ้างงานที่เป็นธรรมและเปิดกว้างต่อคนทุกวัยมากขึ้น เพราะคนวัยกลางคนยังมีศักยภาพและคุณค่าสูงต่อองค์กร
“ประวัติศาสตร์เต็มไปด้วยคนที่สร้างสรรค์ผลงานดีที่สุดหลังผ่านช่วงที่สังคมเรียกว่า 'วัยพีค' ไปแล้ว บางทีเราควรหยุดมองวัยกลางคนเป็นช่วงนับถอยหลัง และเริ่มตระหนักว่านี่คือ ช่วงพีค ของคนเราต่างหาก” รองศาสตราจารย์ กล่าว
ที่มา
Worried about turning 60? Science says that's when many of us actually peak
The age when your brain functions at its best is actually older than you think