พ่อแม่ที่เลี้ยงลูกในสไตล์ “เฮลิคอปเตอร์” อาจไม่ถูกใจสิ่งนี้ เมื่อได้เห็นเด็กๆ ที่โรงเรียนไบรท์เวิร์คส์ ในซานฟรานซิสโก ที่นี่แตกต่างจากโรงเรียนมาตรฐานทั่วไป เพราะไม่มีโต๊ะเรียนเรียงเป็นแถวแบบที่คุ้นตา ไม่มีกระทั่งครูผู้สอน หรือเสียงกริ่งไฟฟ้าบอกเวลาหมดคาบเรียน
โรงเรียนไบรท์เวิร์คส์ ก่อตั้งโดย เกเวอร์ ทูลลี่ย์ ในปี 2011 โรงเรียนตั้งอยู่ในสภาพที่แวดล้อมด้วยหาดทราย ลำธารที่ไหลผ่านผืนป่า และอยู่ไม่ไกลจากสะพานโกลเดนเกท เปิดรับนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงมัธยมปลาย โดยให้อิสระและความคิดสร้างสรรค์กับนักเรียน
ที่ไบรท์เวิร์คส์ นักเรียนจะรวมกลุ่มกันตามความสนใจโดยไม่ถูกจำกัดด้วยอายุ ที่นี่ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า “ครู” จะมีเพียง “ผู้ร่วมงาน” เท่านั้น ทั้งยังเปิดให้พ่อแม่สามารถมาหาลูกๆ และร่วมกิจกรรมกับลูกได้ตามความพอใจ
โรงเรียนไบรท์เวิร์คส์เป็นที่รู้จักกันทั่วทั้งแคลิฟอร์เนีย พ่อแม่จำนวนมากที่ทำงานในซิลิคอนวัลลีย์ นิยมส่งลูกๆ มาเรียนที่นี่ โดยครึ่งหนึ่งของพ่อแม่ทำงานในบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ อย่าง กูเกิล แอปเปิล เฟสบุ๊ก และสตาร์ทอัพต่างๆ ส่วนครอบครัวที่ไม่สามารถจ่ายค่าเทอมไหว จะได้รับเงินสนับสนุนสำหรับการศึกษาของลูกๆ ปีละ 42,000 ดอลลาร์
สิ่งที่เป็นแรงขับให้เกเวอร์ทำโรงเรียนนี้ขึ้นมา คือ คำถามพื้นฐานที่ว่า “เราอยากให้เด็กๆ เรียนรู้และมีประสบการณ์อะไรบ้างที่จำเป็นต่อพวกเขา และทำอย่างไรจึงสร้างทักษะจริงๆ เหล่านั้นให้กับเด็กๆ ได้”

ที่มา : เว็บไซต์ Brightworks
ในวันออกผจญภัยใหญ่ของโรงเรียน นักเรียนจะได้ไปสังเกตดูเต่าในทะเลสาบ ดูนก และนับจำนวนปลาในลำธาร นักเรียนคนหนึ่งบอกว่า เขาสามารถแยกแยะเหยี่ยวหางแดงจากเหยี่ยวอื่นๆ ได้โดยสังเกตจากปีกของมัน และแยกได้ว่าอันไหนคืออึของสุนัขกับแรคคูน
“เมื่อวาน เราคำนวณความเร็วของใบไม้ที่ร่วงลงไปในแม่น้ำ และขว้างลูกบอลโคลนจากระยะแปดเมตรด้วย” แดช หนึ่งในนักเรียนของโรงเรียนบอก
“มันอาจจะฟังดูล้ำสมัย แต่แนวคิดนี้เป็นการทำให้นักเรียนเกิดแรงจูงใจในตัวเอง พวกเขาจะเรียนก็ต่อเมื่ออยากที่จะเรียน ไม่ใช่เป็นเพราะถูกใครบังคับให้ต้องเรียน” เกเวอร์กล่าว
เขาบอกว่า โรงเรียนตามระบบเดิม ไม่มีประสิทธิภาพอย่างไม่น่าเชื่อ มีนักเรียนอเมริกันน้อยกว่า 1 ใน 3 ที่สามารถเรียนจบการศึกษาระดับสูงได้ และนักเรียนที่จบจากโรงเรียนทั่วไปมีงานทำแค่ร้อยละ 15 ถึง 30 ซึ่งรัฐบาลมองว่า การศึกษาคือหนังสือและการสอบ แต่นั่นเป็นการเข่นฆ่าทำลายความคิดสร้างสรรค์
แรงบันดาลใจของเกเวอร์มาจาก เซอร์เคน โรบินสัน นักปฏิรูปการศึกษาชาวอังกฤษที่เชื่อว่า โรงเรียนเป็นผู้ฆ่าจินตนาการของเด็ก รวมถึง ปีเตอร์ เกรย์ นักจิตวิทยาที่เคลื่อนไหวเรื่องการเรียนนอกห้องเรียน ซึ่งเรียกร้องให้เด็กเรียนรู้จากความสงสัยใคร่รู้ของตัวเอง ซึ่งเกเวอร์เห็นด้วยว่า ความสามารถในการเรียนรู้ของเด็กๆ นั้นมีไม่จำกัด
คติพจน์ที่เกเวอร์มักบอกกับนักเรียนคือ “ทุกสิ่งอย่างล้วนน่าสนใจ” เขาไว้วางใจเด็กๆ และอนุญาตให้นักเรียนอายุ 6 ขวบใช้สว่านไฟฟ้าและไม้ขีดไฟ เขาชวนเด็กๆ ประดิษฐ์สิ่งต่างๆ ขึ้นมาตามจินตนาการ และสอนวิธีใช้สว่านที่ถูกต้อง โดยบอกกับนักเรียนว่า “อย่าทำให้ตัวเองและคนอื่นได้รับบาดเจ็บ” ซึ่งนั่นคือกฎที่สำคัญที่สุดของโรงเรียน
“ถ้าเราสอนเด็กๆ ว่า เครืองมือช่าง หรือไฟเป็นของที่มีอันตราย พวกเขาก็จะระมัดระวังมากขึ้น” เกเวอร์กล่าว

ที่มา : เว็บไซต์ Brightworks
ปัจจุบัน ไบรท์เวิร์คส์มีนักเรียนราว 100 คน แต่ละคนรับผิดชอบการเรียนของตัวเอง ในหนึ่งปีโรงเรียนจะเลือกหัวข้อ 3 หัวข้อให้กับนักเรียน เช่น ร่างกาย อวกาศ สะพาน เกเวอร์บอกว่า โรงเรียนจะเสนอไอเดีย แล้วปล่อยให้นักเรียนทำด้วยตัวเอง
สำหรับหัวข้อสำหรับการเรียนในเทอมนี้คือ “อวกาศ” ที่เวิร์คชอปของโรงเรียน นักเรียนนำเสนอโมเดลที่อยู่อาศัยบนดาวอังคารอย่างภาคภูมิใจ ขณะที่นักเรียนอีกคนนำเสนองานออกแบบภัตตาคารสำหรับมนุษย์ต่างดาว และอีกคนเขียนเล่าถึงฉากการเมืองของมนุษย์ต่างดาว ส่วนห้องเรียนถูกปรับให้เป็นท้องฟ้าจำลอง ให้เด็กๆ เอนตัวบนแหงนดูดวงดาวและท้องฟ้าที่ฉายจากเครื่องฉาย
เกเวอร์ เป็นอดีตโปรแกรมเมอร์ที่บริษัทอะโดบี และมีบริษัทของตัวเอง เขาไม่เคยผ่านการอบรมเป็นนักการศึกษา หรือไม่แม้แต่มีลูก เขาก่อตั้งโรงเรียนไบรท์เวิร์คส์จากประสบการณ์วัยเด็กของตัวเอง พ่อของเขาเป็นผู้สร้างภาพยนตร์ กวี และคนหาปลา ส่วนแม่เป็นพยาบาล เขาโตมาในครอบครัวที่ยากจน แต่ดูเหมือนว่า ตลอดชีวิตวัยเด็กของเขาคือการได้เล่น เขาจำได้ว่าทั้งชายหาด ถนน และโลกเป็นเหมือนสนามเด็กเล่นสำหรับเขา และเมื่อโตขึ้นเขาเฝ้าดูลูกๆ ของเพื่อนสมัยเด็กถูกเลี้ยงแบบเข้มงวด ไม่ได้เล่นอย่างอิสระเหมือนที่ตอนที่พวกเขายังเด็ก
เกเวอร์เริ่มทดลองระบบการศึกษาในแบบของเขาเองในปี 2005 โดยชวนเด็ก 8 คนที่เป็นลูกๆ ของเพื่อนมาเข้าค่าย “โรงเรียนสร้างนักคิด” เป็นเวลา 1 สัปดาห์ที่สวนหลังบ้าน เด็กๆ สามารถช่วยกันสร้างสะพานไม้ยาว 7 เมตรที่แข็งแรงสามารถรับน้ำหนักของทุกคนรวมกันได้ เด็กคนหนึ่งบอกว่า ทำไมที่โรงเรียนของเธอจึงไม่ให้ทำอะไรแบบนี้
“คำถามนี้คาใจผมมาหลายปี จนกระทั่งผมคิดว่า เฮ้ ทำไมไม่ทำโรงเรียนที่ต่างออกไปขึ้นมาล่ะ” เกเวอร์เล่า


ที่มา : เว็บไซต์ Brightworks
หลักสูตรของโรงเรียนไบรท์เวิร์คส์ ตั้งอยู่บนพื้นฐานสามประการ คือ “สำรวจ (Explore), แสดงออก (Express), อธิบาย (Explain)” ในแต่เทอม นักเรียนต้องตั้งเป้าหมาย วางแผน และหาเพื่อนร่วมทีมในการทำโปรเจคท์ให้สำเร็จ และต้องเอาผลงานออกนำเสนอในงานประจำปีของโรงเรียน
เมื่อสิ้นปีการศึกษา นักเรียนของไบร์เวิร์คส์จะไม่ได้รับสมุดรายงานผลการเรียน แต่จะได้แฟ้มรวมผลงานของตัวเอง เช่น การวาดภาพ การเขียน งานช่างฝีมือ การผลิตหนังสั้น การเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์และวิดีโอเกม ที่สำคัญ นักเรียนที่เรียนจบจากไบรท์เวิร์คส์ ยังได้รับการยอมรับจากมหาวิทยาลัยชั้นแนวหน้าของประเทศอีกด้วย อย่างเช่น ฮาร์วาร์ด
เกเวอร์เชื่อว่า การให้เด็กๆ เรียนรู้จากความสงสัยของตัวเองจะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ดีในชีวิต เขามองเห็นนักเรียนเป็นฮีโร่บนเส้นทางของตัวเอง และตั้งเป้าในการเตรียมพร้อมเด็กๆ สำหรับอนาคต 20 ปีต่อจากนี้ ซึ่งทุกอุตสาหกรรมต้องการทีมขนาดเล็กที่ประกอบไปด้วยคนที่มีความเชี่ยวชาญสูงสำหรับการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน รวมถึงคนที่สามารถทั้งสื่อสารได้ดีและทำงานร่วมกันได้ดี
“การศึกษาจะต้องเปลี่ยนแปลง คนที่เริ่มเข้าสู่วัยผู้ใหญ่จะต้องมีความรู้ที่ลึกซึ้งในงานที่ทำ ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับพวกเขา” เกเวอร์กล่าว
ซินเธีย แมคคาลฟ์ แม่ของนักเรียนที่เรียนจบจากไบรท์เวิร์คส์เล่าว่า ลูกของเธอสมัครเข้าเรียนวิทยาลัย 18 แห่ง และได้รับเลือกให้เข้าเรียนถึง 12 แห่ง ลูกของเธอดูเปล่งประกายตอนสอบสัมภาษณ์ สบตาผู้สัมภาษณ์ สามารถแสดงความคิดเห็นของตัวเองได้อย่างมั่นใจ และนำเสนอตัวเองในแบบที่ต่างไปจากผู้สมัครคนอื่นๆ
ที่มา
No Teachers and No Curriculum: Is This the School of the Future?