Garden of Encounter โครงการสวนผักชุมชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศออสเตรีย ที่เมือง Traiskirchen สร้างขึ้นจากความร่วมแรงร่วมใจของผู้ลี้ภัยหลากหลายเชื้อชาติร่วมกับชาวเมือง เกิดเป็นสถานที่ที่ช่วยเยียวยาจิตใจผู้ลี้ภัยที่ผ่านเหตุการณ์เลวร้ายมา และช่วยเรื่องการปรับตัวให้เข้ากับสังคมใหม่ทั้งในเรื่องภาษา ความเป็นอยู่ และความมั่นคงทางด้านอาหาร
แปลงสวนผักนี้เกิดขึ้นนี้ตั้งแต่เมื่อ 10 ปีที่ ในฤดูร้อนของปี 2015 ณ ศูนย์พักพิงผู้อพยพในเมือง Traiskirchen ของออสเตรีย ซึ่งมีผู้ลี้ภัยราว 4,500 คนอยู่แออัด ขณะที่มีบ้านพักรองรับคนได้เพียง 1,800 คน ทำให้สภาพความเป็นอยู่ย่ำแย่ และมีคนราว 1,500 คนต้องนอนในเต้นท์กลางแจ้งหรืออาศัยอยู่ในเพิงพักชั่วคราว
กลุ่มชาวเมืองที่เป็นคนท้องถิ่นจึงร่วมกับกลุ่มผู้ลี้ภัย โน้มน้าวให้เทศบาลเมืองมอบที่ดินขนาดราว 2.5 เอเคอร์ หรือราว 6 ไร่เศษ สำหรับการใช้ประโยชน์ร่วมกันของผู้ลี้ภัยในศูนย์พักพิง
ออสเตรียไม่อนุญาตให้ผู้ขอลี้ภัยทำงาน พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกมากนัก โกลัม โมฮัมมัดดี ซึ่งได้รับสถานภาพเป็นผู้พักอาศัยในออสเตรียมา 6 ปีแล้วบอกว่า ในระหว่างที่ยังเป็นผู้ขอลี้ภัยนั้น คุณทำได้แค่รับอาหารมากินเพื่ออยู่รอด แต่จะไม่สามารถทำอะไรได้เลย
“พวกเราพยายามสร้างสถานที่ที่ทำให้ทุกคนรู้สึกสบายใจ การที่พวกเขามาที่สวนเพราะการทำงานในสวนนั้นสนุก ช่วยลดความเครียด แต่ถ้าเราได้รับแจ้งว่ามีใครที่รู้สึกไม่ค่อยดี พวกเราก็จะคอยอยู่เคียงข้าง” โกลัม ซึ่งเป็นคนดำเนินการเรื่องแผงขายผักจากสวนกล่าว
พืชผักที่เป็นผลผลิตจากแปลงผัก จะถูกแบ่งงออกเป็น 3 ส่วนเท่าๆ กัน ส่วนแรกวางที่แผงขายผักเพื่อขายให้กับคนที่มาช่วยสนับสนุนโครงการนี้ ส่วนที่สองบริจาคให้กับตลาดเพื่อสังคม ซึ่งเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตที่ไม่แสวงกำไรเพื่อคนรายได้น้อย และส่วนที่สามสำหรับคนที่ทำงานในสวนสามารถนำไปใช้ได้อย่างอิสระ
ดร.คริสตา มูลเลอร์ นักสังคมวิทยาที่ทำวิจัยเรื่องการทำสวนในเยอรมนีกล่าวว่า ในสถานการณ์ของผู้ลี้ภัยที่ยังไม่ได้สถานภาพพักอาศัย การที่ยังคงความรู้สึกได้ริเริ่มทำอะไรบางอย่างและการพึ่งพาตัวเองได้เป็นสิ่งที่สำคัญมาก อย่างเช่น การทำสวนพืชผัก ที่เป็นการเพิ่มความมั่นคงด้านอาหาร
มีงานศึกษาที่ตีพิมพ์ในปี 2025 พบว่า การมีสวนพืชผักชุมชน มีผลอย่างยิ่งโดยเฉพาะกับสมาชิกในชุมชน หรือคนกลุ่มน้อยในการช่วยลดความเครียด ความวิตกกังวล และเพิ่มความรู้สึกถึงความสุขและการมีคุณค่าในตัวเอง ซึ่งกุญแจสำคัญคือ การได้มีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม การเรียนรู้ และรู้สึกถึงการมีอิสระในการทำสิ่งที่ต้องการ รวมถึงการได้สัมผัสกับธรรมชาติ ซึ่งสวนผักสามารถช่วยเยียวยาคนที่กำลังรับมือกับความทุกข์ทรมานได้
สอดคล้องกับรายงานปี 2025 จาก มูลนิธิเพื่อสุขภาพจิต ในสหราชอาณาจักร ที่พบว่า ผู้ลี้ภัยที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงาน จะสูญเสียคุณค่าในตัวเอง รู้สึกโดดเดี่ยว และมีความเสี่ยงต่อภาวะซึมเศร้า
“ถ้าคุณทำได้แค่นั่งเฉยๆ ตลอดเวลา คุณก็จะหมกมุ่นวนเวียนอยู่แต่กับปัญหาของตัวเอง มีคนจำนวนมากที่ลี้ภัยมาจากอัฟกานิสถาน หรือประเทศอื่นๆ มายังออสเตรีย ผมคิดว่าที่นี่เราสามารถจะทำบางสิ่งบางอย่างได้” โกลัมกล่าว
โครงการสวนผักชุมชน Garden of Encounter บางครั้งเรียกว่า สวนผักนานาชาติ หรือ สวนผักหลากวัฒนธรรม ซึ่งสวนผักลักษณะนี้เป็นที่สำหรับการสร้างชุมชนในเยอรมนีด้วยเช่นกัน โดยมีจุดเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อกลางทศวรรษที่ 1990 จากการรวมตัวกันของครอบครัวชาวอัฟกัน ชาวบอสเนีย เอธิโอเปีย เยอรมนี อิรัก และอิหร่าน ในการทำสวนขึ้นที่เมืองเกททิงเงน
ทุกวันนี้ สวนผักนานาชาติในเมืองเกททิงเงนได้ขยายเพิ่มเป็น 3 แห่ง มีสมาชิก 90 คนที่ลี้ภัยมาจาก 23 ประเทศ และมีสวนแบบเดียวกันนี้อีกมากกว่า 400 แห่งทั่วเยอรมนี โดยได้รับการสนับสนุนจาก Anstiftung องค์กรไม่แสวงผลกำไรที่ดำเนินการโดย ดร.คริสตา มุลเลอร์
แนวคิดสวนผักชุมชนนี้ยังขยายข้ามไปถึงสหรัฐอเมริกา ที่เมืองชิคาโก มีครอบครัวผู้ลี้ภัยจำนวน 42 ครอบครัวร่วมกันทำสวนผักในปี 2021 ขณะที่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยมิชิแกนที่ลี้ภัยเข้ามายังสหรัฐตั้งแต่ยังเด็ก ร่วมกับมหาวิทยาลัยทำสวนชื่อ The Freedom Garden ในปี 2022 ขณะที่โครงการ New Roots ของคณะกรรมาธิการเพื่อความช่วยเหลือนานาชาติ ช่วยพัฒนาสวนผักและฟาร์มในเมือง 64 แห่ง สำหรับผู้ลี้ภัยใน 13 เมืองทั่วประเทศ
นอกจากนี้ การมีส่วนร่วมกับชุมชนสวนผัก ยังเป็นกระบวนการที่ช่วยให้ผู้ลี้ภัยผ่านพ้นช่วงเวลารอคอยที่ยาวนานของการได้รับสถานะผู้พักอาศัย โดยทำให้พวกเขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชุมชน ซึ่งเป็นโอกาสที่จะช่วยพัฒนาทักษะด้านภาษาและการสร้างเครือข่ายทางสังคมขึ้นใหม่ ที่จะช่วยให้ชีวิตในออสเตรียง่ายขึ้นหลังจากได้รับสถานภาพผู้พักอาศัยแล้ว
ทั้งนี้ ผู้ลี้ภัยที่ทำงานที่สวนจะได้รับค่าจ้างเดือนละ 110 ยูโร โกลัมบอกว่า บางครั้งคนจะมาที่นี่เพื่อมาพบเพื่อนและคุยกันถึงปัญหาของพวกเขา แต่เมื่อเขาบอกกับคนเหล่านั้นว่า “คุณได้งานทำแล้วนะ” ก็ไม่มีใครหนีหายไปจากชุมชนนี้เลยสักคน
Garden of Encounter เป็นเพียงส่วนหนึ่งของโครงการใหญ่ที่มีกิจกรรมอีกหลายอย่าง เช่น สถานที่เล่นกีฬาสำหรับคนที่อยู่ในละแวกศูนย์ผู้พักพิง การเปิดสอนภาษาเยอรมัน และมีการช่วยแปลเอกสาร หรือให้คำแนะนำกระบวนการขอลี้ภัย หรือแค่จะมาเพื่อพักผ่อนหย่อนใจอยู่ภายนอกอาคารก็ได้เช่นกัน
คณะทำงานยังเปิดชอปงานไม้ และชอปเย็บผ้า เพื่อเตรียมความช่วยเหลือผู้ลี้ภัยที่ไม่มีที่พักในช่วงฤดูหนาว ในระหว่างการระบาดของโควิด ชอปเย็บผ้าสามารถผลิตหน้ากากผ้าได้ 6,000 ชิ้น และเมื่อเกิดสงครามรัสเซียในยูเครน พวกเขาสามารถรวมรวบสิ่งของบริจาคจากชุมชนต่างๆ ในท้องถิ่นเพื่อส่งไปช่วยเหลือชาวยูเครนได้มากกว่า 4 ตัน
“เมื่อเราปลอดภัยแล้ว แต่คนอื่นยัง เมื่อเราสามารถช่วยเหลือได้ เราก็จะช่วย เราไม่ต้องรอรัฐบาล”
ที่มา
The Community Gardens Where Refugees Are Putting Down Roots