การที่เรารู้สึกได้ถึง “ความหวัง” ไม่ได้เพียงแค่ทำให้เกิด “ความรู้สึกที่ดี” กับชีวิตเท่านั้น มีงานวิจัยชิ้นใหม่พบว่า “ความหวัง” ทำให้เรารู้สึกถึง “ความหมายของชีวิต” หรือเหตุผลในการมีชีวิตอยู่ของเราได้มากกว่าอีกด้วย
งานวิจัยซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Emotion เผยว่า คนที่ชีวิตมีความหวังจะมีสุขภาพดี มีความวิตกกังวลและความกดดันในชีวิตน้อย และเชื่อว่าตัวเองจะสมหวัง ซึ่งนำไปสู่การกระทำที่มุ่งไปสู่ผลลัพธ์ที่ต้องการ โดยคนที่มีความหวังมากกว่า มีแนวโน้มที่จะยืดหยุ่นและปรับใช้วิธีต่างๆ ในการรับมือกับเรื่องแย่ๆ ได้ดีกว่า
ในการศึกษา 2 ชิ้น ที่มีผู้เข้าร่วมทดลองมากกว่า 900 คน เกี่ยวกับความรู้สึกในทางบวก ความหวัง และความหมายในชีวิต ซึ่งนักวิจัยใช้วิธีการวัด “ความหวัง” และ “ความเชื่อ” โดยขอให้ผู้เข้าร่วมวิจัยอธิบายเกี่ยวกับระดับของความรู้สึก อย่างเช่น รู้สึกว่ามีความหวังเต็มเปี่ยม และความเชื่อเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการเกิดผลลัพธ์ที่ดี เช่น การคิดว่ามีวิธีมากมายที่จะทำให้บรรลุเป้าหมายในตอนนี้ได้
นักวิจัยพบว่า คนที่มี “ความหวังมากกว่า” จะมีความรู้สึกถึง “ความหมายของชีวิต” ที่มากกว่ามาก และพบด้วยว่า “ความหวัง” มีความเชื่อมโยงที่แนบแน่นกับ “ความหมายของชีวิต” มากกว่าความเชื่อในด้านบวก หรือการเชื่อว่าจะได้มาซึ่งผลลัพธ์ที่ดี นักวิจัยบอกว่า แม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่ยังไม่เห็นวิธีแก้ปัญหา คนที่รู้สึกได้ถึงความหวัง ก็จะยังคงรู้สึกได้ถึงความหมายของการมีชีวิต
ในการวิจัยต่อมา นักวิจัยศึกษาระดับความหวังและความหมายชีวิตของนักศึกษาระดับมหาวิทยาลัย 301 คน โดยให้ตอบแบบสำรวจ 5 ครั้งภายในหนึ่งภาคการศึกษา นักวิจัยพบว่า นักศึกษาที่รู้สึกถึงความหวังในการสำรวจครั้งหนึ่ง สามารถทำนายได้ว่า พวกเขาจะรู้สึกถึงความหมายของชีวิตได้ในการสำรวจครั้งถัดไป ซึ่ง 3 สัปดาห์ต่อมา มีหลักฐานที่แสดงว่า ความหวังสามารถนำมาซึ่งความรู้สึกถึงความหมายของชีวิตได้จริง ในขณะที่ความรู้สึกเชิงบวกไม่ได้นำไปสู่ความรู้สึกแบบนั้น เป็นการย้ำว่า ความหวังเป็นแรงขับที่แข็งแกร่งกว่าในการรู้สึกถึงความหมายของชีวิต
นักวิจัยทำการทดลองเพิ่มเติม โดยให้ผู้เข้าร่วมการทดลอง 678 คน อ่านบทความเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยบทความแรกถูกออกแบบมาให้คนอ่านรู้สึกมีความหวัง และบทความที่สองถูกออกแบบมาเพื่อให้รู้สึกว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งช่วงเวลาที่ทดลองนั้นอยู่ในระหว่างพายุเฮอร์ริเคนถล่มสหรัฐ
ผู้เข้าร่วมการทดลองที่อ่านบทความที่ให้ความหวัง มีแนวโน้มมีความหวังมากกว่า และรายงานกับนักวิจัยว่า โดยรวมแล้วรู้สึกถึงความหมายที่ยิ่งใหญ่ของการมีชีวิต ซึ่งนักวิจัยกล่าวว่า ในบริบทของการเผชิญภัยธรรมชาติจากพายุเฮอร์ริเคนนั้น ยากที่จะทำให้คนที่เข้าร่วมการทดลองเชื่อในบทความที่เขียนให้ความหวัง
เมแกน เอ็ดเวิร์ด นักวิจัยหลังปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัยดุ๊ก ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมวิจัยกล่าวว่า ความหวังเป็นการตระหนักถึงการดำรงอยู่และความหมายของชีวิต ดังนั้น จึงยากกว่าที่ใครจะเปลี่ยนแปลงระดับของความหวังภายได้ในชั่วข้ามคืน
เมแกน บอกว่า กุญแจสำคัญคือ เมื่อพบกับเรื่องดีๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ให้บอกกับตัวเองว่าสิ่งต่างๆ กำลังเป็นไปด้วยดี และในช่วงเวลาที่เผชิญความทุกข์ยาก ให้บอกกับตัวเองว่า ยังมีความหวัง และย้ำว่ามันเป็นแค่สถานการณ์ชั่วคราว ไม่ได้คงอยู่ตลอดไป และสิ่งต่างๆ ย่อมเปลี่ยนแปลงเสมอ เธอบอกว่า การปลูกฝังทัศนคติแบบนี้ สามารถช่วยให้เราเริ่มลงมือทำเพื่อการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เราต้องการ และจะทำให้สิ่งต่างๆ ดีขึ้นไปตามลำดับ
ที่มา
How Hope Helps Us Build a Meaningful Life