แม้ว่า เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ กำลังเข้ามาเปลี่ยนรูปโฉมของงานประเภทต่างๆ ด้วยความเร็วที่หวาดหวั่น โดยเฉพาะงานในสำนักงานจำนวนมากเสี่ยงที่จะถูกเอไอแย่งไป แต่ทว่า ยังมีงานอีกหลายประเภทที่เอไอจะไม่สามารถมาแทนที่มนุษย์ได้ อย่างน้อยก็ในช่วง 10 จากนี้ไป
จาง เปาเป่า ศาสตราจารย์ทางด้านนโยบายเอไอ จากมหาวิทยาลัยซีราคิวส์ในสหรัฐ ระบุว่า อาชีพที่ปลอดภัยจากการถูกเอไอแย่งไป คือ อาชีพที่ต้องใช้ทักษะเกี่ยวกับความเข้าอกเข้าใจผู้อื่น และอาชีพที่ต้องใช้ทักษะฝีมือความเชี่ยวชาญจากประสบการณ์การทำงานที่ยาวนาน
อาชีพที่อยู่ในรายการอันดับต้นๆ ที่จะยังไม่ถูกเอไอแย่งไป เช่น ช่างไฟฟ้า ช่างประปา และช่างซ่อมต่างๆ ซึ่งยากที่เอไอจะเข้ามาแทนที่ รวมถึงงานดูแลผู้อื่น อย่างเช่น พยาบาล ครูโรงเรียนประถม และการสอนหรือการดูแลเด็กเล็ก ที่ต้องใช้ความเห็นอกเห็นใจ ดุลพินิจ และการเชื่อมโยงทางสังคม ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่อัลกอรึทึมยังไม่สามารถลอกเลียนแบบได้อย่างแน่นอนภายใน 10 ปีนับจากนี้
อีกอาชีพหนึ่งที่จะยังคงปลอดภัยจากเอไอ คือ อุตสาหกรรมการผลิตขั้นสูง ซึ่งยังต้องการความเชี่ยวชาญของมนุษย์ในการกำกับดูแล แม้ว่าจะมีการใช้งานระบบอัตโนมัติในโรงงานเพิ่มมากขึ้นก็ตาม
ศาสตราจารย์จาง บอกว่า เมื่อเอไอเข้ามาแย่งงานจากมนุษย์ได้มากขึ้น การปรับตัวจึงเป็นเรื่องสำคัญแม้ว่าจะเป็นงานระดับเบื้องต้นก็ตาม เธอบอกว่า โดยเฉพาะนักศึกษาที่กำลังจะเรียนจบ ควรเตรียมพร้อมในเรื่องทักษะ และให้พึ่งพาเครือข่ายที่เป็นมนุษย์ ซึ่งจะทำให้ได้เปรียบเมื่อการแข่งขันของงานที่เกี่ยวกับเอไอในตลาดแรงงานอิ่มตัว
ศาสตราจารย์จาง เตือนคนทำงานรุ่นใหม่ว่า ต้องมีความยืดหยุ่น ฝึกฝนทักษะที่จำเป็น และใช้เครือข่ายต่างๆ ทางสังคมในการต่อสู้กับเอไอ
สอดคล้องกับข้อค้นพบของนักวิจัยจากไมโครซอฟต์ ที่พบว่า งานที่ถูกเอไอเข้ามาทำแทนส่วนใหญ่เป็นงานเกี่ยวกับการเขียนและงานสื่อสาร เช่น อาชีพนักแปล และนักประวัติศาสตร์ ขณะที่งานอย่างผู้ช่วยพยาบาล และคนงานที่ทำงานกับวัตถุอันตราย ยังได้รับผลกระทบจากเอไอน้อยมาก