การสำรวจของสถาบันวิทยาศาสตร์ในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น พบว่า ปัจจุบันมีชาวญี่ปุ่นจำนวนมากที่มีอาหารไม่พอกิน และถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มคนที่เผชิญ “วิกฤตความมั่นคงทางอาหาร” จากสภาพอาหารการกินที่แพงมากขึ้น
การสำรวจดังกล่าว จัดทำขึ้นโดย สถาบันวิจัยเพื่อการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นองค์กรภายใต้สถาบันวิทยาศาสตร์ในกรุงโตเกียวโดยทำการสำรวจทางออนไลน์กับชาวญี่ปุ่นจากทั่วประเทศจำนวน 10,000 คน
ผลสำรวจพบว่า เกือบร้อยละ 44 ของผู้ตอบแบบสอบถามระบุว่า มีน้ำหนักตัวลดลง หรือไม่ได้กินอาหารเลยตลอดทั้งวัน เนื่องจากไม่มีเงินพอสำหรับการซื้ออาหาร
ผู้ตอบแบบสำรวจร้อยละ 43.8 ระบุว่า ในปีที่ผ่านมาพวกเขามีกังวลถึงอาหารที่กำลังจะหมดไปก่อนที่จะมีเงินมากพอสำหรับการซื้ออาหาร โดยทีมวิจัยจัดให้เป็นคนเหล่านี้เป็นกลุ่มคนที่เผชิญวิกฤตความมั่นคงทางอาหาร
กลุ่มคนที่ตกอยู่ในวิกฤตความมั่นคงทางอาหาร ส่วนใหญ่มาจากคนครอบครัวที่รายได้น้อย หรือเป็นคนหนุ่มสาวที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ชนบท ซึ่งคนที่จบการศึกษาชั้นมัธยม หรืออนุปริญญา มีความเสี่ยงสูงกว่าที่จะพบปัญหาความมั่นคงทางอาหาร เมื่อเทียบกับคนที่เรียบจบมหาวิทยาลัย หรือจบปริญญาตรี และหากพิจารณาตามรายภูมิภาค จะพบว่า มากกว่าร้อยละ 50 ของคนที่ตกอยู่ในวิกฤตควมมั่นคงทางอาหารอยู่ในโทโฮคุและคิวชู
“ไม่ใช่แค่เพียงการขาดแคลนอาหาร ยังมีข้อเท็จจริงที่ทำให้ผมช็อก อย่างเช่น มีคนจำนวนมากมายในญี่ปุ่นงดซื้ออาหาร เพราะเหตุผลว่ามีเงินไม่พอ” ทาเคโอะ ฟูจิวาระ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยเพื่อการเปลี่ยนแปลง สถาบันวิทยาศาสตร์โตเกียว หัวหน้าทีมสำรวจกล่าว
ทาเคโอะ ข้อค้นพบนี้มีความเกี่ยวข้องระหว่างวิกฤตด้านอาหารกับภาวะโลกร้อน ซึ่งโดยพื้นฐาน คนที่ขาดแคลนอาหารจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ซึ่งจำเป็นต้องมีมาตรการตอบโต้ แต่มาตรการตอบโต้กลับเพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอที่จะยุติวิกฤตความมั่นคงทางอาหาร เขาเชื่อว่าการหยิบเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศขึ้นมาพิจารณาเป็นสิ่งที่จำเป็น
“คนที่ประสบวิกฤตความมั่นคงด้านอาหาร มักเป็นคนที่มีสถานภาพในสังคมที่เปราะบาง ผลการสำรวจชี้ว่าพวกเขาได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ” ทาเคโอะกล่าว
ที่มา
Survey: 44% of Japanese have experienced ‘food security crisis’