Skip to main content

 

งานวิจัยล่าสุดพบว่า ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา จำนวนผู้ที่ป่วยด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพิ่มขึ้นจากเดิมถึง เกือบ 1.5 เท่าตัว และเป็นสาเหตุใหญ่ของการป่วยและเสียชีวิตของประชากรในภูมิภาคนี้

งานวิจัยนี้ตีพิมพ์ในวารสาร The Lancet Public Health เป็นผลงานวิจัยของนักวิจัยจากสถาบัน Health Metrics and Evaluation ในเมืองซีแอตเทิล สหรัฐอเมริกา ร่วมกับนักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ ทำการวิเคราะห์ข้อมูลด้านสุขภาพของประชากรในประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ ระหว่างปี 1990 ถึง 2021

ผลการวิจัย ให้ความสำคัญกับภาระทางด้านสาธารณสุขที่เพิ่มขึ้นจากโรคหัวใจและหลอดเลือด ภาวะผิดปรกติทางจิต การสูบบุหรี่ และอาการบาดเจ็บ โดยสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดเกิดจากความดันโลหิตสูง เรื่องของอาหารการกิน มลพิษทางอากาศ ไขมันดีและไขมันเลวในร่างกาย และการสูบบุหรี่

งานวิจัยพบว่า ประชากรสูงวัยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นกลุ่มที่ป่วยด้วยโคหัวใจและหลอดเลือดมากที่สุด ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยด้วยโรคดังกล่าวพุ่งขึ้น 148 เปอร์เซ็นต์ 

งานวิจัยระบุว่า ช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 อัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และมีงานศึกษาเมื่อปี 2023 พบว่า แม่ที่ตอดเชื้อโควิดขณะตั้งครรภ์ จะส่งผลให้ทารกที่คลอดออกมามีความเสี่ยงสูงที่จะป่วยเป็นโรคหัวใจ

งานวิจัยพบด้วยว่า มีประชากรในอาเซียนมากกว่า 80 ล้านคนที่เผชิญความทุกข์จากภาวะความผิดปรกติทางจิต ซึ่งมีจำนวนดังกล่าวมากกว่าปี 1990 ถึง70 เปอร์เซ็นต์ โดยกลุ่มหลัก เป็นประชากรที่อายุ 15 ถึง 19 ปี พบความผิดปรกติทางจิตมากที่สุดที่ร้อยละ 11

“ถ้าไม่มีปฏิบัติการเร่งด่วนจากแต่ละประเทศ ปัญหาสุขภาพเหล่านี้จะยิ่งเลวร้ายลง และจะเป็นสาเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและพิการทั่วทั้งอาเซียน” มารี โหง่ย หัวหน้าทีมวิจัยและรองศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์กล่าว


ที่มา
Heart disease is Southeast Asia’s biggest killer after 30-year surge, new research reveals