“ดูล่า" (Doula) เป็นงานที่คนไทยไม่ค่อยรู้จักอยู่แล้ว นี่เลยทำให้ "ดูล่าแห่งความตายสัตว์เลี้ยง" เป็นคอนเซ็ปต์ที่ยากแน่ๆ ที่คนไทยจะเข้าใจ ดังนั้นเราจะเริ่มอธิบายจากศูนย์ก่อนว่ามันคืออะไร
คำว่า "ดูล่า" จริงๆ เป็นคำศัพท์ทางมานุษยวิทยาของ Dana Raphael ลูกศิษย์นักมานุษยวิทยาหญิงที่ดังที่สุดในประวัติศาสตร์อย่าง Margaret Mead
Raphael เป็นนักมานุษยวิทยาการแพทย์ เธอศึกษาเรื่องการให้กำเนิดมนุษย์ในสังคมต่างๆ และเธอพบว่าหลายสังคม มีบทบาททางสังคมในการช่วยให้คนที่ตั้งครรภ์สามารถผ่านการตั้งครรภ์ไปได้ โดยบทบาทนี้ไม่ใช่ "หมอตำแย" หรือ "คนทำคลอด" แต่เป็นคนที่ช่วยเตรียมความพร้อมให้ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ทั้งในแง่ร่างกายและจิตใจ พร้อมทั้งช่วยให้ผ่านช่วงของการคลอดบุตรไปได้โดยสวัสดิภาพ
แทบทุกสังคมจะมีผู้หญิงที่มีบทบาทแบบนี้ ซึ่งในสังคมสมัยใหม่ บทบาทนี้ไม่มี มันเลยไม่มีคำเรียก นี่เลยทำให้ Raphael เรียกบทบาท "คนให้กำลังใจคนตั้งครรภ์" นี้ว่า "ดูล่า" (ซึ่งเป็นภาษากรีก แปลว่า "ทาสผู้หญิง" ซึ่งสมัยโบราณมีหน้าที่ช่วยนายหญิงในการผ่านช่วงเวลาของการตั้งครรภ์และคลอดลูก)

Dana Raphael (คนซ้ายมือ) นักมานุษยวิทยาหญิงชาวอเมริกัน (1926-2016)
การสร้างคอนเซ็ปต์นี้สำคัญมาก เพราะมันคือการสร้างบทบาทใหม่ในสังคมสมัยใหม่ โดยบทบาทนี้เริ่มจาก "ขบวนการคลอดตามธรรมชาติ" ที่แพร่หลายในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่ทศวรรษ 1960
ถ้าจะตัดเรื่องราวของ "ดูล่า" ให้สั้นก็คือ ในศตวรรษที่ 21 “ดูล่า" กลายมาเป็น "อาชีพ" หนึ่งไปแล้ว ซึ่ง "คนมีเงิน" จำนวนมากจ้าง "ดูล่า" ไปตั้งแต่ตั้งครรภ์ และหน้าที่ของดูล่าก็คือการเตรียมให้คนท้องพร้อมสำหรับการคลอดลูกและการเป็นแม่ บนฐานของความรู้แบบสมัยใหม่ แต่ก็เช่นเดียวกันหน้าที่ของดูล่าก็ต้องพร้อมจะให้ทั้งความเข้าใจและกำลังใจหากผู้หญิงที่ตั้งครรภ์นั้น "แท้งลูก"
ทั้งหมดก็จะเห็นว่า เราบรรยาย "ดูล่า" บนฐานของอาชีพอื่นยากมาก เพราะงานหลักมันไม่ใช่แค่ "ให้ความรู้" แต่เป็นการ "ให้กำลังใจ" ไปไม่มากน้อยกว่ากันด้วย ซึ่งนี่ทำให้งานของ "ดูล่า" เป็นงานทางอารมณ์ไม่น้อยกว่างานทางปัญญา
ที่นี้ ในยุคที่คนมีลูกน้อยลง บทบาทของดูล่าก็เลยเริ่มเปลี่ยน เพราะทักษะของดูล่าไม่ได้เพียงแค่จะเชี่ยวชาญด้านการเตรียมตัวกับ "การเกิด" เท่านั้น แต่มันเตรียมตัวกับ "ความตาย" ได้ดีด้วย ดังนั้น "ดูล่าแห่งความตาย" ก็เลยเป็นอาชีพใหม่ที่เกิดมาพร้อมกับการรักษาแบบประคับประคองและการการุณยฆาตของมนุษย์
แล้ว "ดูล่าแห่งความตายสัตว์เลี้ยง" มายังไง?
อันนี้ก็ต้องย้อนอีกว่า มนุษย์ทุกวันนี้มีลูกน้อยลง เลี้ยงสัตว์กันมากขึ้น นี่เป็นสิ่งที่รู้กันอยู่แล้ว คอนเทนต์มหาศาลจากหลายประเทศชี้ไปในทางเดียวกันหมด
แน่นอน รถเข็นสัตว์เลี้ยงขายดีกว่ารถเข็นเด็กแล้วในยุคนี้ แต่สิ่งที่คนอาจลืมไปก็คือ สัตว์เลี้ยงทั้งหลาย อายุขัยสั้นกว่ามนุษย์หมด และด้วยวิทยาการปัจจุบัน แนวโน้มคือสัตว์พวกนี้ก็อาจอายุยืนไปจนแก่ก็จริง แต่อีกด้านคือมันจะทำให้สัตว์เหล่านี้แก่ไปจนถึงจุดที่เริ่มมีโรคประจำตัวร้ายแรง และทุกข์ทรมานก่อนตาย
มาตรฐานปัจจุบันของโลก ถ้าสัตว์เลี้ยงแก่แล้ว ป่วยทุกข์ทรมาน เค้าก็จะแนะนำให้ทำการการุณยฆาต เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ทั้ง "มีมนุษยธรรม" และ "ไม่ผิดกฎหมาย" (ซึ่งต่างจากการการุณยฆาตมนุษย์ ที่ผิดกฎหมายแทบทุกประเทศทั้งหมด)
แต่นั่นแหละ แม้ว่ามันจะ "สมเหตุสมผล" ที่จะ "ช่วยจบชีวิตอันทุกข์ทรมาน" ของสัตว์เลี้ยง แต่คนที่เลี้ยงมาตลอดชีวิต การตัดสินใจ "จบชีวิต" มันไม่ง่าย และนี่แหละหน้าที่ของ "ดูล่าแห่งความตายสัตว์เลี้ยง"
งานของคนเหล่านี้คือ เตรียมทั้งสัตว์เลี้ยงและเจ้าของให้พร้อมแก่การ "การุณยฆาต" บางคนอาจรู้สึกว่า มันยากขนาดต้องมี "อาชีพ" เฉพาะเลยเหรอ
อยากจะพาย้อนกลับไปปี 2018 มันมี Tweet ดังอันหนึ่งที่อ้างว่ามาจากสัตวแพทย์ ซึ่งเนื้อหาหลักๆ บอกว่า เจ้าของสัตว์เลี้ยง 90% ไม่ยอมอยู่ในห้องเดียวกับสัตว์เลี้ยงตอนการุณยฆาต และสิ่งที่หมอต้องเห็นก็คือสายตาของสัตว์เลี้ยงที่กระวนกระวาย มองหาเจ้าของ ก่อนจะปิดไปพร้อมๆ กับสิ้นลม
นี่คือปัญหาสำคัญที่มีมานาน เจ้าของสัตว์เลี้ยงไม่น้อย ยอมให้มีการการุณยฆาต แต่ตัวเองกลับไม่พร้อมจะอยู่ส่งสัตว์เลี้ยงของตนใน "การเดินทางครั้งสุดท้าย"
แต่กลับกัน มันก็เข้าใจได้ เพราะเจ้าของสัตว์เลี้ยงจำนวนมาก การตัดสินใจให้มีการการุณยฆาตก็ยากพอแล้ว การที่จะต้องอยู่กับสัตว์เลี้ยงของตนในตอนการุณยฆาตมันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้
นี่แหละครับ หน้าที่ของ "ดูล่าแห่งความตายสัตว์เลี้ยง" คือ จะทำยังไงให้สัตว์เลี้ยงไม่เครียดก่อน "การเดินทางครั้งสุดท้าย" และจะทำยังไงให้เจ้าของสามารถอยู่ร่วมห้องตอนการุณยฆาต โดยที่ตัวเองจิตใจจะไม่แตกสลาย
นี่คือ "งานทางจิตใจ" แท้ๆ ทีต้องการความชำนาญเฉพาะ มันก็เลยต้องมีอาชีพเฉพาะอย่าง "ดูล่าแห่งความตายสัตว์เลี้ยง" และในหลายมหาวิทยาลัยในอเมริกา ก็เริ่มมีหลักสูตรด้านนี้พร้อมให้ใบประกาศณียบัตรกันแล้ว
ประเด็นคือ มันมีมนุษย์จำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่มีความผูกพันใกล้ชิดกับสัตว์เลี้ยงเหมือนสมาชิกในครอบครัว ซึ่งนี่ทำให้การ "จากกัน" มันเศร้าขึ้นเรื่อยๆ และพร้อมกันนั้น การ "การุณยฆาต" ก็ต้องมีมากขึ้น
มันต้องมีคนสักคนช่วย "อำนวยความสะดวก" ให้กระบวนการนี้เกิดขึ้นได้โดยทุกฝ่ายทุกข์ใจน้อยที่สุด และนั่นแหละ "ดูล่าแห่งความตายสัตว์เลี้ยง"
ซึ่งนี่ก็คงจะเป็นอาชีพที่เติบโตไปเรื่อยๆ แน่นอนในยุคที่ความผักพันของคนกับสัตว์เลี้ยงดูจะมากขึ้นเรื่อยๆ
อ้างอิง
Death Doulas Are Guiding Pet Parents and Veterinarians Through Euthanasia
Is it OK for owners to leave while vet puts the pet down?
Pet Euthanasia: Everything You Need to Know
End-of-life pet services
Doula