นับตั้งแต่ กรุงคาบูล ตกอยู่ภายใต้การปกครองของ กลุ่มตอลิบาน เมื่อสามปีที่แล้ว โครงการ Untold Narratives ได้ช่วยปกป้องนักเขียนผู้หญิงชาวอัฟกันผู้กล้าหาญเพื่อให้พวกเธอได้บอกเล่าเรื่องราวของตัวเองให้คนทั้งโลกได้รับรู้
เดือนสิงหาคม 2021 หลังจาก กลุ่มตอลิบาน บุกโจมตีเมืองต่างๆ ในประเทศอัฟกานิสถานและสามารถยึดกรุงคาบูลได้อย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ นั่นกลายเป็นฝันร้ายของผู้หญิงในกรุงคาบูลผู้รักการเขียนและเป็นสมาชิกของกลุ่มเพื่อนนักเขียนบนแอปพลิเคชัน WhatsApp
มารี (นามสมมติ) กล่าวว่า “ผู้หญิงคนหนึ่งส่งข้อความมาบอกพวกเราว่า กลุ่มตอลิบานเริ่มตรวจค้นตามบ้านแล้ว ดังนั้น จึงเป็นการดีที่สุดหากเราทำลายเอกสารต่างๆ ที่แสดงว่าเราได้ทำงานร่วมกับองค์กรต่างประเทศ ข้อความนั้นเป็นเหมือนค้อนขนาดใหญ่ทุบลงมา พวกเราใช้เวลาทั้งวันในการเก็บหนังสือและเอกสารต่างๆ เพื่อนำไปเผา ขณะที่มองดูกระดาษแต่ละแผ่นถูกไฟเผา ฉันรู้สึกราวกับว่าส่วนหนึ่งของฉันกำลังมอดไหม้ แต่เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง ฉันต้องทำลายสิ่งที่ฉันให้คุณค่ามากที่สุดด้วยมือของตัวเอง”
เช่นเดียวกับ ไซนับ ที่เล่าถึงการกำจัดต้นฉบับงานเขียนของตัวเอง “พ่อของฉันบอกว่า เราไม่สามารถซ่อนขี้เถ้าของหนังสือได้ แต่ถ้าเราเอามันไปแช่น้ำแล้วซักเหมือนเสื้อผ้า ต้นฉบับของฉันก็จะไม่เหลือร่องรอยใดๆ และตอนนี้เมื่อกลุ่มตอลิบานมีอำนาจ งานเขียนของฉันก็เป็นแค่กองขยะ”
ความทรงจำของกลุ่มนักเขียนหญิงในอัฟกานิสถาน ถูกนำมาบอกเล่าในหนังสือเรื่อง ‘My Dear Kabul’ โดยกลุ่มนักเขียนผู้หญิงชาวอัฟกันที่โลกของพวกเธอพังทลายลงเมื่อกลุ่มตอลิบานเรืองอำนาจ การตัดสินใจที่แสนเจ็บปวดว่าจะออกไปทำงานหรือต้องซ่อนตัว ความกล้าหาญและความกลัวในโมงยามของการถูกกดทับ ขณะที่หลายคนหนีออกจากประเทศไปได้แต่ก็ต้องละทิ้งครอบครัวไว้เบื้องหลัง ทั้งหมดนี้ถูกบอกเล่าอยู่ในหนังสือเล่มดังกล่าวซึ่งเป็นผลงานของโครงการ Untold Narratives โครงการที่ต้องการช่วยเหลือนักเขียนผู้หญิงที่ถูกกีดกันจากชุมชมหรือสงครามความขัดแย้ง ให้ได้รับโอกาสในการบอกเล่าเรื่องราวการถูกจำกัดเสรีภาพของพวกเธอให้โลกได้รับรู้
ไม่ใช่แค่หนังสือ My Dear Kabul เท่านั้น แต่โครงการ Untold Narratives ยังมีหนังสือของนักเขียนหญิงชาวอัฟกันเล่มอื่นด้วย นั่นคือ กวีนิพนธ์เรื่อง My Pen is the Wing of a Bird: New Fiction ที่ตีพิมพ์ในปี 2022 และได้รับเลือกให้เป็นหนังสือแห่งปีจาก Financial Times โดยหนังสือเล่มนี้สร้างความประหลาดใจให้กับคนอ่านเป็นอย่างมาก เพราะหลายคนต่างคุ้นเคยกับภาพลักษณ์หญิงชาวอัฟกานิสถานที่สวมชุดบุรกาและไม่มีปากมีเสียงในสังคม
มารีเล่าว่าชาวตะวันตกต่างแสดงความประหลาดใจเมื่อได้ยินเธอพูดภาษาอังกฤษ ดังนั้น ไม่ต้องพูดถึงการเป็นนักเขียนเลย “หลายคนคิดว่าผู้หญิงอัฟกานิสถานชอบสวมฮิญาบ เราชอบให้ผู้ชายเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว และเราชอบอยู่ภายใต้กลุ่มตอลิบาน”
ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และเธอก็อยากทำให้คนทั้งโลกได้เข้าใจว่าผู้หญิงอัฟกานิสถาน “กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้ กระตือรือร้นที่จะทำงาน และไม่ต้องพึ่งพาผู้ชาย” และนั่นคือข้อความในงานเขียนของนักเขียนหญิงอัฟกันเหล่านี้
แม้จะมองไม่เห็นอนาคตของประเทศตัวเอง แต่มารีก็มีความหวังว่าสักวันพวกเธอจะได้รับเสรีภาพกลับคืนมา เธอกล่าวว่า “มีสุภาษิตที่บอกว่าตอนท้ายของทุกคืนจะมีเวลาเช้า ตอนท้ายของทุกความมืดจะมีแสงสว่าง และพวกเขาก็จะเขียนงานต่อไป”
อ้างอิง
Untold Narratives
A chronicle of courage: the programme keeping Afghan women’s words alive