Skip to main content

 

Libertus Machinus
 

 

ในการขึ้นเป็นประธานาธิบดีของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในสมัยที่ 2 มีเรื่องประหลาดใจเกิดขึ้นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นนโยบายต่างประเทศ การเงิน การคลัง หรือกระทั่งเศรษฐกิจ และก็เรียกได้ว่า หลายๆ อย่าง คนไม่คิดว่ามันเป็นไปได้จริงด้วยซ้ำ แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วและดำเนินอยู่ในสังคมอเมริกาขณะนี้

นี่ทำให้หลายๆ สิ่งที่ทรัมป์ พูดเอาไว้ตอนหาเสียงซึ่งคนไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง ถูกกลับมามองอย่างจริงจังอีกครั้ง และเรื่องหนึ่งที่ถูกกลับมามองว่า อาจเป็นเรื่องจริง คือ สิ่งที่เรียกว่า “Freedom Cities” หรือ "เมืองแห่งอิสรภาพ"

ย้อนกลับไปปี 2023 นโยบายหนึ่งที่ ทรัมป์ ได้พูดหาเสียงเอาไว้ก็คือ ถ้าเค้าได้เป็นประธานาธิบดี จะใช้อำนาจประธานาธิบดีออกคำสั่งฝ่ายบริหาร ให้มีการแปลงที่ดินของรัฐบาลกลาง 10 แปลงใหญ่ทั่วอเมริกา ให้เป็นสิ่งที่เรียกว่า "เมืองแห่งอิสรภาพ" หลักการก็คือ จะเป็นพื้นที่ที่ "กฎหมายและกฎเกณฑ์" ทั้งหมดของรัฐบาลกลางและรัฐบาลระดับรัฐนั้นไม่มีผล และให้เมืองเหล่านี้ออกกฎหมายและกฎเกณฑ์ของตัวเอง

ไอเดียที่ฟังดูบ้าๆ นี้ไม่ใช่การพยายามจะสร้าง "แดนเถื่อน" แบบที่เราเห็นในการ์ตูนหรือหนังไซไฟ แต่ไอเดียคือ มันต้องการพื้นที่ที่ "องค์กรเพื่อการกำกับดูแล" ต่างๆ ของรัฐบาลกลาง ไม่มีอำนาจ เพื่อเปิดโอกาสให้มี "อิสรภาพในการทำธุรกิจแบบไร้การกำกับดูแล" ตัวอย่างเช่น สามารถทำยามาขายได้โดยไม่ต้องขออนุมัติองค์การอาหารและยา สามารถสร้าง "หลักทรัพย์" มาขายได้โดยไม่ต้องผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์ สามารถทดลอง AI ได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะไปผิดกฎหมายใดๆ และที่สำคัญที่สุดก็คือ การไม่มีภาระที่จะต้องเสียภาษีให้ใครทั้งนั้น

พูดอีกแบบ ในทางปฏิบัติมันก็คล้ายๆ "เขตเศรษฐกิจพิเศษ" นั่นแหละ แต่มันเป็นขั้นกว่า เพราะมันพยายามทำเพื่อ "ปลดล็อค" ข้อกำหนดต่างๆ ที่ไปขัดขวางพัฒนาการทางธุรกิจต่างๆ

ไอเดียพวกนี้อาจฟังพูดประหลาด แต่จริงๆ มันเป็นไอเดียที่พวกเศรษฐีเทคโนโลยีอเมริกันรุ่นใหม่สนับสนุนกันมาก เพราะพวกนี้อยู่ในอุดมการณ์ทางการเมืองแบบ "อิสรนิยมบ้าเทคโนโลยี" (Techno-Libertarianism) ซึ่งอธิบายง่ายๆ ก็คือ พวกนี้มองว่า ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีคือสิ่งที่จะปลดปล่อยมนุษย์จากพันธนาการต่างๆ แต่สิ่งที่ขัดขวาง ไม่ได้เกิด "การปลดปล่อย" ที่ว่าก็คือ รัฐ ดังนั้น ยิ่งรัฐมีอำนาจน้อย การปลดปล่อยก็เป็นไปได้ง่ายขึ้น

ซึ่งจริงๆ พวกเศรษฐีมีแนวคิดพวกนี้กันจริงจังมาก พยายามจะมีโครงการทำนองนี้เยอะ ตั้งแต่การพยายามจะไปตั้งอาณาจักรที่น่านน้ำสากล (Seasteading) ไปจนถึงการไปสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษเช่นเมือง Prospera ในประเทศฮอนดูรัส และในอเมริกาเองก็มีการพยายามจะขอตั้งเมืองแบบนี้มานานแล้ว แต่ไม่เป็นผล

และนี่ก็นำเรากลับมาในยุคปัจจุบัน ที่อเมริกากำลังจะพลิกโฉมอย่างรุนแรงและคาดเดาไม่ได้ คนจำนวนมากใช้ท่าทีเชิงรับเพราะเดาไม่ถูก แต่พวกเหล่าเศรษฐีที่อยากได้ "เมืองแห่งอิสรภาพ" ก็มาทวงสัญญาที่ ทรัมป์ ให้ไว้ตอนหาเสียง

ต้องย้ำว่า ถ้าคนพวกนี้ไม่เห็นว่ารัฐบาลนี้ "กล้าทำสิ่งที่คนไม่เคยทำมาก่อน" แค่ไหน ก็อาจไม่กล้าจะทวงสัญญา แต่พอพวกเค้าเห็นความเป็นไปได้ใหม่ๆ เลยเข้าไปคุย โดยกลุ่มที่เข้าไปคุย คือ กลุ่ม Freedom Cities Coalition และกลุ่มนี้ไปคุยแล้วมาให้สัมภาษณ์กับ Wired เลยทำให้เราได้รู้

หลักๆ แล้วกลุ่มนี้ เข้าไปเสนอกับทางทำเนียบขาวถึง "ความเป็นไปได้ทางกฎหมาย" ของ "เมืองแห่งอิสรภาพ" ที่ว่า โดยความเป็นไปได้มันมี 3 อย่าง

อย่างแรก  ใช้พื้นที่ระหว่าง 2 รัฐ โดยให้รัฐตกลงกันให้ได้ทั้งในเรื่องพื้นที่และกฎเกณฑ์ และให้ทางสภาคองเกรส ออกกฎหมายรับรองมาอีกที โดยกฎหมายนี้จะออกเป็นกฎหมายกลางเพื่อให้ 2 รัฐใดๆ สามารถตกลงสร้าง "เมืองแห่งอิสรภาพ" ขึ้นเมื่อตกลงกันได้ แต่ประเด็นคือ ยังไงก็ต้องการรับรองจาก "รัฐบาลกลาง" อยู่ดี

อย่างที่สอง ใช้ที่ดินของรัฐบาลกลางแล้วประกาศแบบเขตเศรษฐกิจพิเศษเลย เพียงแต่เพิ่มเงื่อนไขของอิสรภาพเหนือการกำลับดูแลอื่นๆ มาด้วย ซึ่งตรงนี้ใช้อำนาจจากสภาครองเกรสในการออกกฎหมายเอา

อย่างที่สาม ใช้ที่ดินของรัฐบาลกลางเหมือนกัน แต่ใช้อำนาจประธานาธิบดีในการออกคำสั่งฝ่ายบริหารในการตั้งเมืองแห่งอิสรภาพขึ้นมาเลย ซึ่งนี่คือสิ่งที่ ทรัมป์ พูดเอาไว้ตอนหาเสียง

ทางกลุ่ม Freedom Cities Coalition ไม่ได้รายงานว่า ทางทำเนียบข่าวจะเอายังไง แต่รวมๆ ถ้าใครตามสถานการณ์ต่างๆ ของรัฐบาล ทรัมป์ 2.0 มาเรื่อยๆ ก็ต้องบอกว่า "มีลุ้น" เพราะ ทรัมป์ ใช้คำสั่งฝ่ายบริหารในการตั้งสารพัดสิ่งที่ตอนแรกคนคิดว่าเป็น "มุกตลก" ด้วยซ้ำ ตั้งแต่ กระทรวงประสิทธิภาพของรัฐ หรือ DOGE (Department of Government Efficiency) ไปจนถึง คลัง Bitcoin สำรองเชิงกลยุทธ์ ที่เพิ่งตั้งเมื่อ 6 มีนาคม 2025 นี้เอง

ดังนั้น "เมืองแห่งอิสรภาพ" ไม่ใช่สิ่งที่เกินจริงแน่นอน นี่คือเรายังไม่ได้พูดถึงความสัมพันธ์ของ "นายทุน" ผู้ผลักดันแนวคิดนี้จริงจังแบบ Peter Thiel ที่มีสายสัมพันธ์กับทั้งโดนัลด์ ทรัมป์ และ เจดี แวนส์ รองประธานาธิบดีด้วยซ้ำ โดย Business Insider บอกว่า เค้าคือคนที่มีอิทธิพลต่อรัฐบาลทรัมป์จริงๆ อย่างเงียบๆ ยิ่งกว่า อีลอน มัสก์ ซะอีก เพราะสิ่งประหลาดๆ ที่เห็นในปัจจุบันจริงๆ มันอยู่ในบทความจากปี 2009 ของ Peter Thiel ที่ชื่อ "The Education of A Libertarian” หมดแล้ว

แต่เหนือสิ่งอื่นใด การสร้าง "เมืองแห่งอิสรภาพ" ขึ้นภายใต้คำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดี แม้ว่าจะเป็นไปได้จริง แต่ปัญหาก็คือ สถานะของเมืองจะยังอยู่หรือไม่ถ้าเปลี่ยนรัฐบาลไปแล้ว? โดยเมือง Prospera ที่ฮอนดูรัสก็มีปัญหาแบบนี้เป๊ะๆ ที่รัฐบาลหนึ่งตั้งเมืองขึ้นมา แต่อีกรัฐบาลประกาศว่าเมืองนี้เป็นสิ่งผิดกฎหมาย

และก็นั่นเอง คำถามในฐานะ "นักลงทุน" ก็คือ "เมือง" ที่มีความมั่นคงในสถานะแค่รัฐบาลเดียวมันจะ "น่าไปลงทุน" จริงๆ เหรอ? หรือว่าจริงๆ นายทุนสายเทคโนโลยีจะมีแผนการ "ทดลอง" อะไรบางอย่างที่จริงๆ แค่ทำออกมาให้ "สำเร็จ" ก็จะจบได้เลยในไม่กี่ปี เพียงแต่ทุกวันนี้ภายใต้กฎหมายของรัฐบาลกลาง การทดลองที่ว่าเป็นไปไม่ได้ มันเลยจำเป็นต้องมี "เมืองแห่งอิสรภาพ" ที่ว่านี้?

 

อ้างอิง
‘Startup Nation’ Groups Say They’re Meeting Trump Officials to Push for Deregulated ‘Freedom Cities’
What Are 'Freedom Cities'? Billionaire CEOs' Plan Could Reshape America
The godfather of DOGE. It's Peter Thiel's world now. We just live in it.
The Education of a Libertarian
 

อ่านบทความอื่นๆ ของผู้เขียน