เรื่องราวของ “รถขายของชำเคลื่อนที่” ในเมืองฮีโน เกิดขึ้นจาก ทาคาดะ อะกิโนริ ชายหนุ่มต่างถิ่นจากจังหวัดฟูกูโอกะที่มาเรียนต่อด้านสิ่งแวดล้อมที่มหาวิทยาลัยทตโตริ ก่อนจะลงหลักปักฐานและกลายเป็นคนที่มีบทบาทสำคัญต่อการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของผู้สูงอายุตามชุมชนต่างๆ ผ่านการนำอาหาร ข้าวของเครื่องใช้บรรทุกใส่รถออกเร่ขายไปตามหมู่บ้านที่ห่างไกล ทำให้ผู้สูงอายุเข้าถึงอาหารสดคุณภาพดี รวมถึงของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน และยังคอยเยี่ยมเยียนถามไถ่สารทุกข์สุขภาพของผู้สูงอายุเป็นประจำ โดยประสานกับหน่วยงานสวัสดิการของเมืองอีกด้วย
เมืองฮีโน อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของทตโตริ ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีประชากรเบาบางที่สุดของญี่ปุ่น โดยมีประชากรสูงวัยมากในระดับแถวหน้าของประเทศ ในปี 2019 ประชากรมากกว่าร้อยละ 50 มีอายุเกินกว่า 65 ปี ซึ่งทำให้ฮีโน “เสี่ยงต่อการสูญหายไป” จากการลดลงของประชากร
จากชาวนา สู่พ่อค้ารถเร่
ทาคาดะ เกิดและโตที่ฟูกูโอกะ เขามาเรียนปริญญาตรีด้านสิ่งแวดล้อมและการผลิตอาหารที่มหาวิทยาลัยทตโตริ หลังเรียนจบ เขาทำงานในโรงงานผลิตสาเกที่ชื่นชอบตอนช่วงฤดูหนาว และทำการเกษตรในช่วงใบไม้ผลิถึงฤดูใบไม้ร่วง
ทาคาดะ เริ่มต้นทำนาที่ฮีโนในปี 2010 ตอนอายุ 27 ปี เขาเรียนรู้พื้นฐานจากคนท้องถิ่นที่มักส่งต่อความรู้ไปยังคนรุ่นหลังที่อายุน้อยกว่า ทาคาดะเริ่มปลูกข้าวโดยการขอเช่าที่นาและเครื่องมือการเกษตรต่างๆ
ในเวลานั้น เมืองฮีโนมีประชากรราว 3,900 คน และค่อยๆ ลดลงต่ำกว่า 2,600 คน หลายปีต่อมา ชาวนาสูงอายุจำนวนมากไม่ซึ่งสามารถดูแลที่นาของตัวเองได้แล้ว ได้ส่งต่อที่นาให้ทาคาดะดูแลต่อ จนทุกวันนี้เขาบริหารจัดการที่นารวม 10 เฮกตาร์ หรือราว 62 ไร่ครึ่ง ใน 7 หมู่บ้าน ซึ่งทำให้เขากลายเป็นคนที่มีที่นาขนาดใหญ่ที่สุดของเมือง
แต่ชีวิตของทาคาดะผลิกผันไปอย่างที่ไม่นึกฝันในปี 2022 เมื่อ ไอเคียว ร้านขายของแห่งเดียวที่อยู่ด้านนอกสถานีรถไฟคูโรซากะประกาศปิดกิจการ หลังดำเนินการมา 30 ปี เมื่อเจ้าหน้าที่เทศบาลเริ่มมองหาคนที่สนใจจะมารับช่วงต่อ แต่เจ้าของร้านเลือก ทาคาดะ เพราะเขาเป็นเสมือนเสาหลักของชุมชนแห่งนี้ไปแล้ว
เจ้าของร้านไอเคียวคิดว่า ทาคาดะเหมาะสมที่สุด เพราะเขาเป็นที่ชื่นชอบของชาวบ้านและได้รับความนับถือจากเพื่อนบ้าน ทั้งยังมีนิสัยชอบเข้าสังคมโดยธรรมชาติ
การเป็นเจ้าของซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งเดียวในเมืองฮีโน รวมถึงการเป็นพ่อค้ารถเร่ขายของชำ ไม่ใช่สิ่งที่ ทาคาดะ คิดฝันไว้แต่แรก แต่เหมือนชะตากำหนดให้เขาซึ่งมีอาชีพทำนาเป็นหลัก ต้องมารับช่วงสืบต่อกิจการซูเปอร์มาร์เก็ตจากเจ้าของรายเดิม เพื่อทำให้เมืองที่เงียบเหงาแห่งนี้ยังคงมีแหล่งอาหารและของใช้จำเป็นสำหรับประชากรสูงอายุต่อไป
“การที่ไม่มีร้านไอเคียวจะเป็นเรื่องใหญ่มาก แน่นอน ผมเป็นชาวนา ผมไม่สามารถดูแลกิจการซูเปอร์มาร์เก็ตได้หรอก ทั้งยังต้องให้ภรรยาของผมต้องเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตด้วย” ทาคาดะกล่าว
เขาเชื่อว่า ร้านค้าสำคัญกับชุมชนที่กำลังเผชิญกับการลดลงของประชากร โดเฉพาะคนสูงอายุที่อยู่ที่นี่ซึ่งเขารู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดี และเมื่อไม่มีใครที่จะมารับช่วงต่อร้านค้าแห่งเดียวของเมือง เขาจึงตัดสินใจที่จะรับช่วงดูแลร้านค้าต่อไปโดยมีเงื่อนไขว่าทางเทศบาลต้องเข้ามาช่วยเหลือ
“ไม่ค่อยมีคนเดินแถวๆ สถานีรถไฟสักเท่าไหร่หรอก แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เราก็ไม่อาจปล่อยให้แสงไฟดับไป และถ้าไม่มีใครอยากจะทำ ผมเดาว่า ผมนั่นแหละที่จะต้องทำ” ทาคาดะกล่าว
หลังจากตกลงปลงใจแล้ว ทาคาดะตั้งบริษัทขึ้นมาเพื่อดำเนินการร้านไอเคียว โดยได้รับการสนับสนุนจากทางเทศบาล และจัดทำร้านชำเคลื่อนที่ให้บริการไปตามชุมชนที่ห่างไกล ขณะที่ มิกิ ภรรยาของเขาซึ่งลาออกจากงานที่โรงเรียนอนุบาล ก็มาช่วยดูแลร้านชำเคลื่อนที่ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา
มิกิจะเป็นคนดูแลร้าน คอยแพ็คของสดและติดป้ายราคา ส่วน มิเซกิ โนโบรุ ผู้จัดการสโตร์ จะรับผิดชอบเรื่องของปลาสด เขาจะขับรถจากฮีโนไปซื้อปลาสดที่ตลาดซาคาอิมินาโตะที่อยู่ริมทะเลแต่เช้าตรู่ ทำให้ได้ปลาสดใหม่จากทะเลทุกวัน ซึ่งเป็นของที่ค่อนข้างหายากสำหรับร้านค้าที่อยู่ไกลจากทะเลเข้าไปในแผ่นดิน
รถบรรทุกของชำจะแล่นไปตามหมู่บ้าน ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุที่ไม่สามารถขับรถยนต์ได้ หรือเป็นผู้สูงอายุที่อยู่ตัวคนเดียวหลังคู่ครองเสียชีวิต หรือเป็นผู้สูงอายุที่ต้องพึ่งพาคนในครอบครัวให้ช่วยขับรถพาไปซื้อของในช่วงวันหยุด
หญิงวัย 90 ปีรายหนึ่ง มีความสุขกับการได้ซื้อปลาหมึกสดจากรถเร่ของทาคาดะ เธอบอกอย่างดีใจว่า “ฉันกำลังจะได้กินปลาหมึกตุ๋นแล้วคืนนี้” ขณะที่ทาคาดะบอกกับผู้ชายคนหนึ่งซึ่งรักซาชิมิมากว่า เขาโชคดีที่วันนี้มีปลาคุณภาพดีที่สุด
“ปลาของคุณสดใหม่เสมอ ดีที่สุดของย่านนี้ ผมเฝ้าคอยอยู่ตลอดว่า เมื่อไหร่รถชำขายอาหารจะมาอีก” ชายคนดังกล่าวบอก
ขณะที่ลูกค้าหญิงรายหนึ่งกล่าว “การมีรถเร่บริการเอาของมาขายถึงที่ คือพรวิเศษที่เป็นจริง มันช่วยให้ฉันมีชีวิตอยู่ได้”
แม้รถเร่ขายของจะไม่ใช่สิ่งใหม่ แต่เมื่อประเทศร่ำรวยขึ้น ผู้คนต่างพากันเข้าไปซื้อข้าวของตามย่านชอปปิ้งต่างๆ ในเมือง แต่เมื่อโครงสร้างประชากรเปลี่ยนไปเป็นสังคมสูงวัย และประชากรมีขนาดเล็กลง เมืองในชนบทจำนวนมากก็อ่อนแอลงตามไปด้วย เมื่อผู้คนเบาบาง ร้านค้าต่างๆ ในเมืองก็ทยอยปิดตัวลง
แม้ร้านชำเคลื่อนที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้ในขณะนี้ แต่ทาคาดะ มองว่า รถขายของชำเคลื่อนที่เป็นทางออกเพียงชั่วคราวเท่านั้น
“ท้ายที่สุด มันก็จะหายไป ผมแค่ทำสิ่งที่ผมทำได้เพื่อชะลอให้มันช้าลง ร้านปลีกขนาดเล็กยังเป็นบริการที่มีความจำเป็น เพราะอาหารคือเส้นชีวิต แบบเดียวกับสาธารณูปโภคพื้นฐานอื่นๆ ที่รัฐบาลท้องถิ่นจำเป็นต้องให้ความมั่นใจว่าบริการแบบนี้จะอยู่รอด” ทาคาดะกล่าว
นอกจากปากท้อง ยังดูแลคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ
นอกจากซูเปอร์มาร์เก็ตและรถเร่ขายของแล้ว ทาคาดะยังคอยช่วยดูแลเรื่องคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุภายใต้โครงการที่ดำเนินการโดยสำนักสวัสดิการและสุขภาพของเมือง และสภาสวัสดิการสังคมท้องถิ่น ในแต่ละเดือน ทาคาดะจะไปเยี่ยมผู้สูงอายุราว 200 คน เพื่อถามไถ่เรื่องสุขภาพและจัดเตรียมสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นเอาไว้ให้
“มันเป็นกิจวัตร ผมก็แค่ไปเยี่ยมและถามว่า คุณยังมีลมหายใจอยู่ไหม? มีเจ็บหรือปวดตรงไหนบ้างไหม?” ทาคาดะเล่า และบอกว่า มักจะได้ยินเสียงหัวเราะและตอบกลับมาว่า “ครับ ทั่วทั้งตัวของผมมันปวดไปหมดเลย”
ถ้าคนที่อยู่ในลิสต์รายชื่อเป็นลูกค้าของร้านชำเคลื่อนที่ ทาคาดะจะไปหาพวกเขาในระหว่างเส้นทางที่ผ่านไป หรือถ้าลูกค้าเป็นชาวนา เขาจะไปเยี่ยมถึงกลางท้องนา และสำหรับคนอื่นๆ เขาจะไปเยี่ยมที่บ้านและรายงานสิ่งที่น่ากังวลต่อเจ้าหน้าที่ของเทศบาลเมือง
“พฤติกรรมการซื้อของสามารถบอกได้มากเลยว่า ถ้ามีคนเริ่มเปลี่ยนไปในทางที่แย่ลง อาจเป็นสัญญาณของโรคสมองเสื่อม ผมจะบอกข้อมูลเหล่านี้กับทางรัฐบาลท้องถิ่น” ทาคาดะกล่าว
นากาฮาระ โนบูโอะ ประธานสภาของเมือง บอกว่า ทาคาดะเป็นคนที่ทำคุณประโยชน์ให้กับเมืองฮีโนอย่างมากมาย และเป็นคนที่ “ไม่มีใครมาแทนที่ได้”
“ทาคาดะไม่ได้เกิดที่ฮีโน แต่เขาช่วยดูแลนาข้าวซึ่งชาวนาสูงอายุทิ้งร้าง และยังเข้ามารับช่วงร้านค้าที่มีแค่แห่งเดียว เขาเป็นคนที่สำคัญสำหรับชุมชนของเรา” นากาฮาระกล่าว
“เราจำเป็นต้องดึงดูดคนหนุ่มสาวให้มากขึ้น แต่ควรให้ความมั่นใจว่าคนเหล่านั้นเลือกที่จะอยู่ที่นี่ เพื่อให้เป็นแบบนั้นเราจะต้องเตรียมสร้างงานที่มั่นคงรวมทั้งที่อยู่อาศัย เราจะทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อทำให้ฮีโนเป็นสถานที่น่าดึงดูดสำหรับการใช้ชีวิตและการทำงาน” นากาฮาระกล่าว
นากาฮาระกล่าวว่า หากคนหนุ่มสาวร่วมแบ่งปันมุมมองกับทาคาดะ ปัญหาประชากรหดตัวของญี่ปุ่นอาจไม่รุนแรงอย่างที่เป็นอยู่
อ้างอิง
Grocery Store on Wheels: A Lifeline for Shopping-Challenged Seniors in Japan