ท่ามกลางทรัพยากรธรรมชาติที่จำกัด "เดนมาร์ก” กลับเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าและมีคุณภาพชีวิตที่สูงอันดับต้นของโลก ปัจจัยพื้นฐานสำคัญประการหนึ่ง คือ “ความไว้เนื้อเชื่อใจ” ระหว่างกันของคนในสังคมหรือแม้แต่กับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก ความเชื่อใจนี้เอง เป็นทรัพยากรล้ำค่าที่มองไม่เห็นซึ่งขับเคลื่อนสังคม เศรษฐกิจ การเมืองของเดนมาร์กให้ปรากฏอย่างที่เป็นเช่นทุกวันนี้
ความสามารถในการเชื่อใจคนแปลกหน้า ของคนเดนมาร์กนั้น มีพื้นฐานมาจากความเชื่อใจซึ่งกันและกันในสังคม คนเดนมาร์กมีสมมติฐานว่า คนส่วนใหญ่ซื่อสัตย์และเชื่อถือได้ ความเชื่อใจของชาวเดนมาร์กยังขยายไปสู่ความเชื่อใจต่อสถาบันต่างๆ ทั้งความเชื่อใจในรัฐบาล ตำรวจ กระบวนการยุติธรรม และระบบบริการสุขภาพ โดยคาดหวังว่า คนที่อยู่ในอำนาจจะทำสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อผลประโยชน์โดยรวมของสังคม
ผลสำรวจของ World Values Survey และ European Values Study พบว่า ชาวเดนมาร์กมีระดับ “ความเชื่อใจคนแปลกหน้า” สูงที่สุดในโลกเป็นอันดับ 1 เมื่อเทียบกับอีก 86 ชาติ ระดับของความเชื่อใจที่สูงนี้เชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิดกับการเป็นรัฐสวัสดิการ และการที่สถาบันต่างๆ ปราศจากคอรัปชัน ส่งผลให้เศรษฐกิจของเดนมาร์กมีความเข้มแข็ง
การเป็นสังคมที่มีระดับความเชื่อใจสูงของเดนมาร์ก ยังมีส่วนสำคัญต่อการทำธุรกิจ และเป็นปัจจัยที่ดึงดูดบริษัทต่างชาติให้ต้องการที่จะเข้ามาทำธุรกิจอีกด้วย
ศาสตราจารย์ Gert Tinggaard Svendsen จากคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย Aarhus กล่าวว่า 1 ใน 4 ของความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจของเดนมาร์กมาจากความเชื่อใจ ซึ่งเป็นปัจจัยที่นักเศรษฐศาสตร์มักไม่มองว่า มีส่วนสำคัญต่อความสามารถด้านการผลิต รวมถึงช่วยเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ระบบการศึกษา และนวัตกรรม
นักวิจัยอื่นๆ อย่าง อิริค อุสลาเนอร์ และ เจอร์มาน กรีฟฟ์ นักวิจัยชาวอเมริกันที่มีข้อสรุปว่า ความเชื่อใจผู้อื่นของชาวเดนมาร์ก และคนในกลุ่มประเทศนอร์ดิกนั้นเป็นคุณค่าที่พิเศษ
“ในเดนมาร์ก และชาติอื่นๆ ที่มีระดับความเท่าเทียมทางสังคมสูง จะมีระดับความเชื่อใจที่สูงตามไปด้วย ประชาชนรู้สึกว่าสิ่งที่เกิดกับคนอื่น สามารถที่จะเกิดกับตัวเองได้ด้วยเช่นกัน” อุสลาเนอร์กล่าว
ความเชื่อใจ เป็นเสมือนเสาหลักของระบบสวัสดิการสังคมเดนมาร์ก ซึ่ง “รัฐสวัสดิการ” เป็นหนึ่งในสามของคำอธิบายสำคัญของนักวิจัยเมื่อพูดถึงที่มาของระดับความเชื่อใจที่สูงเช่นนี้ โดยนอกจากรัฐสวัสดิการแล้ว อีกสองปัจจัย คือ การมี เสถียรภาพทางการเมือง และการสืบต่อมรดกตกทอดทางวัฒนธรรม
รัฐสวัสดิการ คือ สิทธิประโยชน์ที่รัฐจัดสรรให้กับทุกคนในสังคม ทั้งการศึกษา การรักษาพยาบาล และจัดสรรทรัพยากรทางเศรษฐกิจให้ครอบครัวที่มีลูก ให้ผู้สูงอายุ คนยากจน และผู้ป่วย ซึ่งสวัสดิการเหล่านี้ ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งทางสังคมต่ำ มีอาชญากรรมน้อย ขณะที่นักวิจัยบางรายระบุเพิ่มเติมไปถึงปัจจัยอื่นๆ ด้วย อย่างการมีสถาบันของรัฐที่ทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ตำรวจ และระบบยุติธรรม ซึ่งตามรายงานของสำนักวิจัยกระทรวงยุติธรรมของเดนมาร์กในปี 2014 ระบุว่า ชาวเดนมาร์กมีความเชื่อใจต่อตำรวจ และระบบยุติธรรมของประเทศสูงที่สุดเมื่อเทียบกับอีก 30 ประเทศในยุโรป
“ความเชื่อใจ ช่วยแก้ปัญหาในระบบราชการได้เป็นจำนวนมากมาย และยังช่วยควบคุมพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่รัฐอีกด้วย” ศาสตราจารย์ Svendsen กล่าว
ส่วนปัจจัยเรื่องการมีเสถียรภาพทางการเมือง นักวิชาการระบุไปถึงประวัติศาสตร์ของกลุ่มประเทศนอร์ดิกว่า เป็นภูมิภาคที่สงบกว่าเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภาคพื้นยุโรป เพราะไม่มีสงครามทำลายล้างขนาดใหญ่ หรือเกิดการปฏิวัตินองเลือด
“เดนมาร์กและประเทศนอร์ดิกอื่นๆ มีความมั่นคงซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นต่อพัฒนาการของประชาธิปไตยตลอดช่วงเวลาอันยาวนาน และมีระบบการเมืองที่มีเสถียรภาพมาตั้งแต่แรกเริ่มจากการสนับสนุนของประชาชน และประชาชนสามารถแสดงออกได้ตามเจตจำนงค์ที่เสรี” ปีเตอร์ กรีฟฟ์ ศาสตราจารย์ด้านสังคมวิทยา มหาวิทยาลัยคีล ในเยอรมนีกล่าว
ส่วนการสืบต่อมรดกทางวัฒนธรรมนั้น นักวิชาการอธิบายว่า เดนมาร์กมีข้อตกลงร่วมกันทางวัฒนธรรมที่สร้างขึ้นมาอย่างยาวนาน และส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น เด็กๆ ชาวเดนมาร์กจะเรียนรู้เกี่ยวกับความเชื่อใจทางสังคมจากพ่อแม่ ครู และการเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครในกลุ่มกิจกรรมต่างๆ
นอกจากนี้ ความเชื่อใจ ยังทำให้ชาวเดนมาร์กยินดีที่จะจ่ายภาษีในอัตราที่สูง ศาสตราจารย์ Svendsen ย้ำว่า แม้ว่าชาวเดนมาร์กจะจ่ายเงินภาษีเป็นสัดส่วนที่สูงมาก แต่กลับไม่รู้สึกกังวลว่าเงินภาษีของพวกเขาจะถูกฉ้อโกง
“ชาวเดนมาร์กมีความสุขในการจ่ายภาษีที่สูง เพราะพวกเขารู้สึกว่าได้รับบางอย่างกลับมา พวกเขาไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับระบบดูแลสุขภาพ หรือการศึกษาของลูกๆ แบบที่เห็นอยู่ในประเทศอื่นๆ จำนวนมาก” ศาสตราจารย์ Svendsen กล่าว
เดนมาร์ก ได้รับคะแนนสูงสุดในการจัดอันดับความโปร่งใส จากทั้งหมด 175 ประเทศ โดยองค์กรความโปร่งใสนานาชาติในปี 2014 ขณะที่ประเทศนอร์ดิกอีก 3 ประเทศก็ได้คะแนนสูงในระดับท็อป 5 เช่นกัน ซึ่งประเทศที่ไม่มีการคอรัปชัน สามารถลดค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้ไปกับการติดสินบนเจ้าหน้าที่และผู้มีอำนาจไปได้มาก
“ชาวเดนมาร์กมีความสุขและเต็มใจที่จะจ่ายภาษีในอัตราสูง มากกว่าการให้เงินบริจาค เพื่อจะทำให้สังคมโดยรวมดีขึ้น ซึ่งเป็นสำนึกของความรับผิดชอบร่วมกันของชาวเดนมาร์กที่มีต่อสังคม” อิริค อุสลาเนอร์ ศาสตราจารย์ด้านรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ กล่าว
นอกจากนี้ การเป็นสังคมที่มีความเท่าเทียมกันทางด้านโอกาส ยังให้เกิดการแข่งขันที่เข้มข้น ซึ่งส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งทำให้สังคมเดนมาร์กมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้นในท้ายที่สุด
อ้างอิง
Trust: A cornerstone of Danish culture
Trust: the invisible Danish resource