รัฐสวัสดิการนอร์ดิก เป็นดินแดนที่ดูจะดีไปทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเข้าถึงสวัสดิการสังคมต่างๆ ไปจนถึงความเท่าเทียมทางเพศ ซึ่งประเทศแถบนี้วนเวียนอยู่ใน Top 5 ของโลกทุกครั้งที่มีการจัดอันดับ
อย่างไรก็ดี สิ่งที่เราจะเล่าให้ฟังเป็นสิ่งที่ฟังดูย้อนแย้งระดับที่ถูกเรียกว่า "ปฏิทรรศน์นอร์ดิก" (Nordic Paradox) และนั่นคือข้อเท็จจริงว่า แม้ว่า “ตัวชี้วัดด้านความเท่าเทียมทางเพศ” ของประเทศกลุ่มนี้จะสูงหมดทุกประเทศ แต่สถิติที่สูงลิบเช่นกัน ได้แก่ อัตราการประสบ “ความรุนแรงทางเพศ” ซึ่งส่วนใหญ่ คือ ตัวเลขการถูก "ข่มขืน" ที่สูงมากเมื่อเทียบกับสัดส่วนประชากร
ไม่ใช่ความลับอะไรที่ประเทศนอร์ดิก จะมีตัวเลขของการถูกข่มขืนสูงมากๆ และก็เป็นที่รู้กันมานานว่า ประเทศที่คุณภาพชีวิตเป็นเลิศแบบสวีเดน ก็มีตัวเลขนี้ระดับที่ "น่ากลัว" และเอาเข้าจริง เวลามีการศึกษาเจาะลงลึกรายละเอียดในทุกประเทศ สิ่งที่พบก็ใกล้เคียงกันหมด คือ ประเทศกลุ่มนี้มีอัตราการก่ออาชญากรรมทางเพศต่อผู้หญิงสูงกว่าประเทศอื่นๆ ซึ่งถ้าจะอธิบายง่ายๆ สวีเดนและไอซ์แลนด์มีอัตราการข่มขืนรายปีติด Top 10 ของโลก ส่วนเดนมาร์กและนอร์เวย์ ก็อยู่ใน Top 20 (มีฟินแลนด์รอด Top 20 ประเทศเดียว แต่ก็อยู่ใน Top 30)
ทำไม 'อัตราการข่มขืน' ในประเทศนอร์ดิกจึงสูง ?
คำตอบมีหลายแนว ถ้าฝั่งการเมืองขวาจัด จะอธิบายว่าตัวเลขนี้ที่สวีเดนสูง เพราะสวีเดนรับผู้อพยพเข้ามาเยอะ และคนเหล่านี้เข้ามาก่ออาชญากรรมทางเพศในประเทศ แต่ข้อเท็จจริง คือ สวีเดนไม่เคยเผยแพร่สถิติผู้ก่ออาชญากรรมทางเพศแบบแยกชาติพันธุ์ และจริงๆ ถ้าดูในระยะสั้น จะเห็นว่า ภายหลังการรับผู้อพยพ ไม่ได้มีการเพิ่มขึ้นของความรุนแรงของอาชญากรรมทางเพศแต่อย่างใด กลับกัน ตัวเลขพวกนี้อยู่ในระดับคงที่หรือลดลงด้วยซ้ำ
ดังนั้น ตรงนี้เราพอจะเคลียร์ความยุติธรรมให้ผู้อพยพได้ แต่ก็ยังไม่ได้ตอบอยู่ดีว่า ทำไมอัตราการ "ข่มขืน" หรือการก่ออาชญากรรมทางเพศในสวีเดนถึงสูง
ในกรณีของสวีเดน จริงๆ มีคำอธิบายที่เฉพาะที่เกี่ยวกับ "นิยาม" และการ "นับสถิติ" ของการข่มขืน
ต้องเข้าใจก่อนว่า มีประเทศในโลกจำนวนมากที่ไม่เผยแพร่สถิติการข่มขืนในประเทศตัวเอง รวมถึงประเทศที่ "สถิติแบบไม่ทางการ" ชี้ว่า น่าจะมีการข่มขืนมากที่สุดในโลกแบบแอฟริกาใต้ ดังนั้น การที่สวีเดนมีอัตราการข่มขืนสูงว่าประเทศกลุ่มนี้ หลักๆ เพราะสวีเดนมีการรายงานสถิติแบบตรงไปตรงมา
ตรงนี้ คนที่ทำเรื่องพวกนี้เค้าก็จะเตือนตลอดว่า ถ้าจะเทียบสถิติการข่มขืนระหว่างประเทศ ต้องระวังดีๆ เพราะ "นิยาม" ของสิ่งเหล่านี้ในแต่ละประเทศแตกต่างกัน
สวีเดน นิยาม ‘การข่มขืน’ ก้าวหน้ากว่ามาตรฐานทั่วโลก
ส่วนหนึ่งที่สวีเดนมีเคสข่มขืนมากกว่าประเทศอื่น เพราะ "นิยาม" การข่มขืนของสวีเดน "ก้าวหน้า" มาก โดยสวีเดนเปลี่ยนนิยามการข่มขืนเป็นนิยามสั้นๆ ว่าเป็นการ "ร่วมเพศโดยไม่ได้รับการสมยอม" เท่านั้น ซึ่งต่างจากนิยามมาตรฐานในโลกที่กำหนดว่ามันต้องมี "ความรุนแรง" หรือ "การบังคับ" ให้มีการร่วมเพศด้วย
นี่ทำให้ในทางกฎหมาย หน้าที่การพิสูจน์ไม่ได้อยู่ที่ "โจทก์" แต่อยู่ที่ "จำเลย" ซึ่งกลับกันกับระบบเก่า
อธิบายง่ายๆ คือ ในระบบเก่า คดีข่มขืน ฝ่ายโจทก์ต้อง "พิสูจน์" ว่า มีการ "ใช้ความรุนแรงหรือขู่เข็ญ" ให้ร่วมเพศจริง ถึงจะเป็นการข่มขืน ซึ่งระบบแบบนี้ใช้กันทั้งโลกรวมถึงสวีเดน ก่อนสวีเดนจะเปลี่ยนนิยามการข่มขืน และทำให้ฝ่ายจำเลยเป็นฝ่ายต้องพิสูจน์ว่า "โจทก์" มีการ "สมยอม" ก่อนกิจกรรมทางเพศ
นี่ทำให้ตัวเลขการข่มขืนของสวีเดนเพิ่มขึ้นพรวดเดียว 70% หลังกฎหมายบังคับใช้ในปี 2018 ซึ่งประเด็นคือจริงๆ ตัวเลขการข่มขืนของสวีเดนเดิมก็สูงกว่าชาวบ้านอยู่แล้ว การเปลี่ยนนิยามยิ่งทำให้ตัวเลขสูงขึ้นอีก
คำถาม คือ ทำไมตัวเลขข่มขืนของสวีเดนสูงมาแต่ไหนแต่ไร? คำตอบเร็วๆ ก็คือ สวีเดนมีการนับสถิติการข่มขืนที่ไม่เหมือนชาวบ้าน
ประเทศอื่นที่สามารถแจ้งการข่มขืนในครัวเรือนหรือแจ้งความสามีขมขืนภรรยาได้ ปกติเวลารับแจ้งความเค้าจะไม่นับเป็น "ครั้ง" แต่จะนับการข่มขืนภรรยาของสามีไม่ว่าจะเกิดขึ้นกี่ครั้งเป็น "ครั้งเดียว” เสมอ หรือพูดในภาษากฎหมายไทย คือ จะนับเป็น "กรรม" เดียว
แต่สวีเดนไม่ทำแบบนั้น สวีเดนจะนับการข่มขืนในครัวเรือนเป็น "ครั้ง" เสมอ ซึ่งผลในทางกฎหมาย คือ นับเป็นหลาย "กรรม" และทำให้โทษหนักขึ้นตามจำนวนครั้ง และนี่เลยทำให้การข่มขืนแบบนี้เกิดขึ้นมากๆ ในสวีเดนในทางสถิติ โดยจริงๆ ก็ไม่ใช่แค่สวีเดนเท่านั้นที่เหตุพวกนี้เยอะ แต่พวกประเทศนอร์ดิกรวมๆ ก็จะพบว่าการข่มขืนแบบนี้เกิดขึ้นเยอะมากๆ
‘ความเท่าเทียมทางเพศสูง’ แต่ทำไมสถิติการข่มขืนยังสูง
นี่นำมาสู่คำอธิบายว่า ทำไม "ความเท่าเทียมทางเพศ" ในประเทศกลุ่มนี้ถึงทำให้เกิด "อัตราการข่มขืน" ที่สูงในทางสถิติ
ในกลุ่มประเทศนอร์ดิก ความเท่าเทียมทางเพศทำให้การหย่าร้างเป็นเรื่องปกติมาก ความเท่าเทียมทางเพศทำให้ผู้หญิงไม่จำต้องทนเหมือนผู้หญิงในประเทศอื่นๆ ที่ชีวิตแต่งงานบางครั้งไม่อาจยุติลงได้ ด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจหรือกระทั่งสังคมวัฒนธรรม
เงื่อนไขนี้เลยทำให้การแต่งงานบ่อยครั้งเป็นเรื่องปกติของผู้หญิงแถบนี้ และนั่นทำให้ผู้หญิงเพิ่มโอกาสจะเจอคู่สมรสที่ใช้ความรุนแรง รวมไปถึง "ข่มขืน" คู่สมรสมากขึ้นด้วย อย่างน้อยๆ ก็เพิ่มโอกาสมากกว่าหลายๆ ประเทศที่ในทางกฎหมายสามีข่มขืนภรรยาไม่ได้ด้วยซ้ำแน่ๆ
ความเท่าเทียมทางเพศของประเทศนอร์ดิกทำให้ผู้หญิงไม่ต้องทนกับอะไรแบบนี้ และทำให้การแจ้งความว่า โดนคู่สมรสทำร้ายหรือกระทั่งข่มขืนเป็นเรื่องปกติมากๆ ซึ่งภาวะแบบนี้ไม่ใช่แค่ทำให้การแจ้งความข่มขืนโดยผู้สมรสเท่านั้นที่เป็นเรื่องปกติ แต่ทำให้การข่มขืนในทุกรูปแบบไม่ถูกปล่อยผ่าน เรื่องมันจะไปถึงตำรวจในที่สุด หรือพูดง่ายๆ ผู้หญิงแถบนี้ไม่ได้รู้สึกว่าการถูกข่มขืนเป็นเรื่องน่าละอายแบบในหลายประเทศ แต่มองว่าเป็นการถูกละเมิดสิทธิ์ ซึ่งก็ไปแจ้งความตามปกติแบบไม่ต้องรู้สึกว่าตัวเองซึ่งเป็น "ผู้ถูกกระทำ" จะต้องอายอะไร และนี่ไม่ใช่แค่ในสวีเดน แต่เป็นเรื่องปกติในกลุ่มประเทศนอร์ดิกทั้งหมด
และพอมาถึงตรงนี้ เราก็คงเห็นแล้วว่าอะไรคือ "ตัวการ" ที่ทำให้สถิติของความรุนแรงทางเพศของประเทศแถบนี้สูงนัก คือจะบอกว่า ความเท่าเทียมทางเพศทำให้คนกล้าแจ้งความว่าตัวเองโดนข่มขืนก็ไม่ผิด แต่ในความเป็นจริง ปัจจัยความเท่าเทียมทางเพศ มันส่งผลไปหมดตั้งแต่นิยามการข่มขืนที่กว้าง ไปจนถึงความกล้าที่จะออกไปแจ้งตำรวจเวลาโดนข่มขืน
ดังนั้น ในแง่นี้จริงๆ จึงไม่มีสิ่งที่เรียกว่า "ปฏิทรรศน์นอร์ดิก" เพราะดังที่เล่ามา ความเท่าเทียมทางเพศของกลุ่มประเทศนอร์ดิก คือ "สาเหตุ" สำคัญที่ทำให้ "ในทางสถิติ" ประเทศกลุ่มนี้มี "อัตราความรุนแรงทางเพศ" มากกว่าประเทศกลุ่มอื่นๆ ซึ่งมันไปด้วยกัน ไม่ได้ขัดแย้งกัน
และเราก็ต้องย้ำกันเป็นรอบสุดท้ายว่า ท้ายที่สุดสถิติพวกความรุนแรงทางเพศ เทียบกับข้ามประเทศยาก เพราะทั้งนิยามและวิธีนับสถิติของเรื่องพวกนี้ไม่ได้มีมาตรฐานสากล และทำให้ประเทศที่มีนิยามที่แคบและการนับที่หละหลวมกว่า ดูเป็นประเทศที่มีอาชญากรรมทางเพศน้อย ทั้งที่จริงๆ ถ้าใช้มาตรฐานสวีเดน สวีเดนก็น่าจะมีเหตุพวกนี้น้อยกว่าประเทศเหล่านั้น
อ้างอิง
Inside the ‘Nordic paradox’: Why the world’s best country for women struggles with sexual violence
Reality Check: Is Malmo the 'rape capital' of Europe?
Rape conviction rates rise 75% in Sweden after change in the law