Skip to main content

 

ธรรมชาติและพื้นที่สีเขียวส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะกับเด็กๆ ช่วยให้มีพัฒนาการทางด้านสติปัญญาที่ดี ช่วยลดพฤติกรรมด้านลบ และช่วยให้เด็กมีไอคิวที่สูงกว่า ขณะเดียวกันช่วยให้วัยรุ่นเรียนรู้ได้ดี และเพิ่มความสามารถในการจัดการกับความเครียดได้ดีขึ้น

การได้อยู่กับธรรมชาติและพื้นที่สีเขียวส่งผลดีต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตโดยรวม เนื่องจากธรรมชาติมีคุณสมบัติช่วยเยียวยาผู้คนไม่ว่าจะช่วงวัยใด แต่โดยเฉพาะกับเด็กๆ งานวิจัยเผยว่า พื้นที่สีเขียวส่งผลดีต่อพัฒนาการด้านสติปัญญาและคุณภาพชีวิตของเด็กๆ มากกว่าที่เราเคยรับรู้มาก่อนหน้านี้

มีงานวิจัยเผยแพร่เมื่อปี 2015 โดยนักวิจัยศึกษาถึงความเชื่อมโยงของพื้นที่สีเขียวกับพัฒนาการทางสติปัญญาของเด็ก ในการศึกษาเด็กนักเรียนชั้นประถมสองถึงประถมสี่จำนวน 2,593 คน ในเมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน นักวิจัยประเมินความสามารถทางด้านสติปัญญาของเด็กนักเรียนที่อยู่ท่ามกลางพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่เป็นเวลา 12 เดือน พบว่า เด็กๆ มีการปรับปรุงในเรื่องของสติปัญญา

“เด็กๆ ที่อยู่ในโรงเรียนซึ่งมีพื้นที่สีเขียวล้อมรอบ จะแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการทางสติปัญญาที่ดีกว่า โดยวัดจากการที่เด็กๆ ทำคะแนนการทดสอบได้สูงกว่า” มาร์ค นูเวนไฮเซน นักวิจัยจากศูนย์วิจัยระบาดวิทยาอนามัยสิ่งแวดล้อมของเมืองบาร์เซโลนา และหัวหน้าทีมวิจัยกล่าว

“แม้ว่าจะมีความแตกต่างของผลคะแนนเพียงร้อยละ 5 ซึ่งนั่นอาจดูว่าเป็นความแตกต่างเพียงเล็กน้อย แต่ถ้าขยายเป็นสเกลขึ้นเป็นระดับของประชากร มันจะสามารถส่งผลแตกต่างอย่างมหาศาลเลยทีเดียว” มาร์ค กล่าว

โรงเรียนประถมเป็นสถานที่สำหรับเด็กที่จะได้ออกนอกบ้านมาเล่นกลางแจ้งและสูดอากาศบริสุทธิ์ การมีพื้นที่สีเขียวจึงช่วยในเรื่องพฤติกรรมและทำให้การเรียนรู้ของเด็กๆ ดีขึ้น

ทั้งนี้ ผลดีของพื้นที่สีเขียวที่มีต่อเด็กๆ จะผันแปรไปตามช่วงวัย เอกสารของยูนิเซฟระบุว่า เด็กเล็กจนถึงอายุ 6 ขวบ พื้นที่สีเขียวช่วยให้เด็กมีพัฒนาการด้านการเคลื่อนไหวที่สอดประสานกัน ช่วยให้มีการทรงตัวที่ดีกว่า และช่วยทำให้เด็กนอนหลับได้ดีกว่า

มีการศึกษาเมื่อเร็วๆ นี้ในประเทศเบลเยี่ยมที่ยอมรับว่า พื้นที่สีเขียวช่วยเรื่องพัฒนาการทางสติปัญญาของเด็ก ซึ่งงานวิจัยสรุปผลว่า เด็กที่เติบโตในพื้นที่สีเขียวจะมีไอคิวที่สูงกว่า และมีปัญหาด้านพฤติกรรมที่น้อยกว่า

สำหรับวัยรุ่น พื้นที่สีเขียวช่วยปรับปรุงเรื่องของสมาธิ และช่วยให้สามารถจัดการกับความเครียดได้ดีกว่า รวมถึงทำให้มีความกระตือรือล้นในการเรียนรู้

อิรินี ฟลอรี ศาสตราจารย์พัฒนาการจิตวิทยาเด็ก มหาวิทยาลัยคอลเลจลอนดอน กล่าวว่า เด็กๆ มีความจำเป็นต้องใช้เวลาอยู่กับพื้นที่ที่มีต้นไม้ แต่ก็ต้องระมัดระวังให้เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับเด็ก ซึ่งต้องไม่มีระดับของมลภาวะ หรือเป็นที่ที่มีเสียงดังจนเกินไป และควรเป็นสถานที่ที่ดึงดูดความสนใจของเด็กๆ

ดังนั้น การเพิ่มจำนวนต้นไม้ หรือไม้พุ่มในบริเวณใกล้กับโรงเรียนและสวนสาธารณะ เพื่อให้เด็กๆ สามารถใช้เวลาอยู่กลางแจ้งซึ่งรายรอบไปด้วยธรรมชาติแลพื้นที่สีเขียว จะส่งผลดีต่อทั้งสุขภาพกายและใจของเด็กๆ


ที่มา
Why Kids Need Green Spaces