Skip to main content

บริษัทสตาร์ทอัพในสหรัฐ พัฒนาเทคโนโลยีกำจัดก๊าซเรือนกระจกเพื่อลดภาวะโลกร้อน โดยการเปลี่ยนคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นหินปูนที่นำไปใช้ในงานก่อสร้างได้ โดยขณะนี้โรงงานตั้งต้นสามารถกำจัดคาร์บอนได้วันละ 100 กก. และตั้งเป้าที่จะกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้ 100,000 ตันต่อปีในปี 2026

อีควอติก (Equatic) บริษัทสตาร์ทอัพ ถือกำเนิดจากสถาบันการจัดการคาร์บอน ในมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ลอสแอนเจลิส (UCLA) สหรัฐอเมริกา พัฒนาเทคโนโลยีกำจัดคาร์บอน โดยการดึงคาร์บอนไดออกไซด์จากน้ำทะเลและเปลี่ยนสถานะให้เป็นของแข็งที่สามารถทิ้งกลับสู่ก้นมหาสมุทร หรือสามารถนำไปใช้เป็นวัสดุสำหรับการก่อสร้าง

ลอเรนโซ คอร์ซีนี ที่ปรึกษาของอีควอติกกล่าวว่า  “โลกกำลังเผชิญ 2 ความท้าทายที่ไม่เคยมีขึ้นมาก่อน คือ เราจะกำจัดและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์อย่างไร และเราจะลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างไร อีควอเตอร์ จะเป็นเทคโนโลยีแรกที่สามารถแก้ทั้งสองปัญหาไปด้วยกัน”

โดยธรรมชาติ มหาสมุทรสามารถดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์มากักเก็บเอาไว้ โดยสามารถดูดซับปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ผลิตขึ้นจากมนุษย์ได้ถึงร้อยละ 31 และเมื่อถึงขีดจำกัดก็จะเริ่มปล่อยกลับสู่ชั้นบรรยากาศ การที่มหาสมุทรดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์จากบรรยากาศยังส่งผลให้น้ำทะเลมีสภาพเป็นกรด ทำให้สิ่งแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลถูกทำลาย

สำหรับของเทคโนโลยีกำจัดคาร์บอนของอีควอติก ทำงานโดยการการนำน้ำทะเลไปผ่านกระแสไฟฟ้าและพ่นอากาศเข้าไป กระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาเปลี่ยนคาร์บอนเป็นแคลเซียมคาร์บอเนต หรือหินปูน ซึ่งเป็นสารประกอบในเปลือกหอย

ภายหลังกระบวนการ น้ำทะเลจะมีสภาพเป็นกรดมากขึ้นเล็กน้อย ซึ่งจะถูกนำไปผ่านหินบดเพื่อปรับค่า pH หรือความเป็นกรดด่างให้มีสภาพเป็นกลาง ก่อนปล่อยกลับลงสู่มหาสมุทร ผลพลอยได้จากกระบวนการกำจัดคาร์บอนในมหาสมุทร คือ ก๊าซไฮโดรเจน ซึ่งเป็นพลังงานสะอาด

อีควอติก ได้รับเงินสนับสนุนและเงินลงทุนแล้วจำนวน 30 ล้านดอลลาร์ จากกรมพลังงานของสหรัฐ มูลนิธิวิทยาศาสตร์แห่งชาติของสหรัฐ และอื่นๆ และเริ่มทำโครงการนำร่อง 2 โครงการ แห่งหนึ่งในลอสแองเจลิส และอีกแห่งที่สิงคโปร์ โดยแต่ละแห่งมีความสามารถในการกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์จากมหาสมุทรได้วันละ 100 กก. ซึ่งเท่ากับปริมาณมลพิษที่รถยนต์ระบบสันดาปปล่อยออกมาจากวิ่งเป็นระยะทาง 400 กม.

“เราได้แสดงให้เห็นแล้วว่า เทคโนโลยีนี้ใช้การได้ ที่สำคัญในขณะนี้คือการทำให้มีขนาดที่เหมาะสม” ที่ปรึกษาอีควอติกกล่าว

หน่วยงานที่ดูแลเรื่องน้ำของสิงคโปร์ ประกาศที่จะลงทุนสร้างโรงงานที่ใช้เทคโนโลยีกำจัดคาร์บอนของอีควอติกในปลายปี 2024 ซึ่งโรงงานจะมีความสามารถในการกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึงวันละ 10 ตัน

ผู้เชี่ยวชาญด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกล่าวว่า เราจำเป็นต้องกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ 10 กิกะตันต่อปีภายในปี 2050 หรือเฉลี่ยวันละ 27 ล้านตันในทุกวัน และในปี 2100 เราจะต้องกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ในอัตราที่เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า  

ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า สิ่งที่โลกต้องการ คือ การเพิ่มขนาดของการกำจัดคาร์บอนขึ้นในอีกสองสามทศวรรษข้างหน้า และจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีคนหาทางออกเกี่ยวกับความคุ้มค่าในทางเศรษฐกิจ ซึ่งต้นทุนต่อ 1 ตันไม่ควรสูงถึง 100 ดอลลาร์

อีควอติกมั่นใจว่า แนวทางของพวกเขาสามารถนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ได้ โดยที่ผลผลิตที่เป็นผลพลอยทั้งหินปูนและก๊าซไฮโดรเจนสามารถขายได้ พร้อมกับคาร์บอนเครดิต และเมื่อมีการขยายขนาดโรงงานภายในปี 2028 คาดว่าต้นทุนต่อตันของการกำจัดคาร์บอนจะอยู่ที่ 91 ดอลลาร์

อีควอติกได้เซ็นสัญญากับบริษัทโบอิ้ง ในการจำกัดคาร์บอนไดออกไซด์ปริมาณมากกว่า 63,000 ตันจากมหาสมุทร และส่งมอบก๊าซไฮโดรเจนจำนวน 2,300 ตันให้กับบริษัท และตั้งเป้าจะกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ให้ได้ 100,000 ตันต่อปีในปี 2026

 

ที่มา
This startup’s tech turns CO2 into seashell dust
UCLA Institute for Carbon Management and Equatic to Build the World’s Largest Ocean-Based Carbon Removal Plant in Singapore