แสนปิติ สิทธิพันธุ์ ลูกชายของชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าฯ กทม. เขียนบทความเปิดใจผ่านเว็บไซต์ Thai Enquirer ว่าเมื่อ 8 ปีที่แล้วที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำการรัฐประหารยึดอำนาจจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยที่กลุ่ม กปปส. ออกมาต่อต้านรัฐบาลในตอนนั้น เขาเพิ่งอยู่ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ทั้งเด็กและดื้อรั้น อีกทั้งยังต้องพยายามทำความเข้าใจกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นเหมือนกับคนไทยคนอื่นๆ
แสนปิติ เล่าต่อว่า หลังการรัฐประหาร ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไป แต่ 2-3 ปีมานี้เกิดสิ่งใหม่ๆ ในการเมืองของประเทศ ได้เห็นการออกมาเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ การเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยของคนรุ่นใหม่ที่ไม่พอใจในรัฐบาลชุดปัจจุบัน เริ่มตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2562 ที่สามารถปลุกคนในประเทศให้ออกมามีส่วนร่วมทางการเมืองแบบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในสังคมไทย
ส่วนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ปี 2565 กลายเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมกับการวางรากฐานประชาธิปไตยขึ้นมาใหม่ ให้สมกับความอดทนและความมุมานะของคนไทยตลอดหลายปีที่ผ่านมา คนไทยได้แสดงเสียงของพวกเขาแล้ว ชัยชนะครั้งนี้จึงมีความหมายมากๆ เพราะได้แสดงให้เห็นว่า คนไทยมีความสามารถในการปรองดองและมีความรักกัน ละทิ้งความแตกต่างของปัจเจกเพื่อประนีประนอม และรวมชาติที่แตกแยกให้กลับมาได้
แสนปิติ ยังพูดถึงพ่อตัวเองอีกว่า พอโตขึ้นเขามีพ่อเป็นต้นแบบในการใช้ชีวิต พ่อสอนอะไรมากมายแก่เขา ตั้งแต่เรื่องความมุ่งมั่น การเอาใจใส่ และเน้นย้ำว่าการทำงานกับทุกคนเป็นสิ่งสำคัญแม้ว่าจะมีความแตกต่าง ไม่มีใครทำงานหนักไปกว่าพ่อเพื่อบรรลุเป้าหมายอีกแล้ว ที่สุดแล้วชัยชนะครั้งนี้ คือความพยายามของคนไทยที่ร่วมมือกันเคารพประชาธิปไตย และมรดกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการเลือกตั้งครั้งนี้คือข้อเท็จจริงที่ว่าคนกรุงเทพฯ หลายล้านคนได้แสดงเจตนาของตนไว้อย่างชัดเจนว่า พวกเขาต้องการการเมืองที่น่าอยู่สำหรับประชาชน และเมืองที่ยินดีต้อนรับทุกคน