ผศ.ดร.สุวิชา เป้าอารีย์ ผู้อำนวยการศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล เปิดเผยถึงโพลที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ว่า ทั้ง 11 ครั้งและล่าสุด ที่มีการสำรวจความเห็นคน กทม.ที่มีสิทธิเลือกตั้ง พบว่า ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ มีคะแนนความนิยมมาเป็นอันดับ 1 อย่างต่อเนื่อง
โดยโพลครั้งที่ 2 พบคะแนนของชัชชาติ ขยับขึ้นไปอีก 6% จากผลโพลครั้งที่ 1 และทิ้งห่างอันดับที่ 2 เกือบ 4 เท่า ส่วน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง มาเป็นอันดับ 3 คะแนนครั้งที่ 2 ดีขึ้นเพียง 1% ขณะที่ผลคะแนนครั้งที่ 2 ชัดขึ้น ทิ้งห่างมากขึ้น เป็นผลมาจากคนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเลือกใคร เริ่มตัดสินใจแล้ว ท่ามกลางกระแสโจมตีชัชชาติ
จากการเก็บข้อมูลของนิด้าโพลอย่างต่อเนื่องและโพลสำนักอื่นๆ ที่แม้จะมีวิธีเก็บข้อมูลต่างกัน แต่เมื่อนำมาเปรียบเทียบกัน ผศ.ดร.สุวิชา พบว่ามีความสอดคล้องกัน คือ ชัชชาติ ได้คะแนนนิยมอันดับ 1 ส่วนอันดับที่ 2 จะมีความแตกต่างกันไปบ้าง ทำให้เชื่อได้ว่า ชัชชาติจะได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.สูงถึง 98% เลือก ส่วนอีก 2% อาจมีอะไรที่ไม่คาดคิด ทำให้ชัชชาติชวดเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.ได้ ซึ่งแม้จะเพียง 2% ก็ตาม
ดังนั้น ผู้สมัครคนอื่นๆ หรือพรรคการเมืองอื่นๆ หากต้องการจะชนะ จะต้องหาวิธีการที่จะดึงคะแนนชัชชาติลงมาให้ได้ พร้อมๆ กับหาแนวทางว่า ทำยังไงให้คะแนนความนิยมของตัวเองพุ่งสูงขึ้นไปได้ด้วย ภายใต้เวลาเพียง 10 กว่าวันก่อนเลือกตั้ง
ผศ.ดร.สุวิชา กล่าวว่า จากข้อมูลและการวิเคราะห์ ยังไม่เห็นประเด็นที่จะทำให้คะแนนชัชชาติร่วงลงมาได้ แต่ก็ยังมีช่องที่คนกลุ่มหนึ่งมองว่าอาจเกิดจากประเด็นการเมืองระดับชาติเข้ามามีส่วน เพราะสังคมยังไม่มีใครรู้ว่าข้อเท็จจริงที่มีข่าวลือว่ามีดีลสำคัญ ระหว่าง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และรองนายกรัฐมนตรีได้มีพบปะหรือพูดคุยอะไร กับทักษิณ ชินวัตร จริงหรือไม่ และถ้าจริง มีการพูดถึงเรื่องเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.หรือไม่
นอกจากนี้ หากมีประเด็นหลุดปากแบบไม่ตั้งใจจากทักษิณ ชินวัตร ถึงความสัมพันธ์กับชัชชาติ หรือบอกว่าให้การสนับสนุนชัชชาติเป็นผู้ว่าฯ กทม.เพื่อร่วมมือทำแลนด์สไลด์ ในประเด็นนี้ก็อาจทำให้คนที่ไม่ชอบทักษิณ และเคยจะหนุนชัชชาติ อาจถอยทันทีก็เป็นได้ แค่ทำให้ชัชชาติร่วงลงมากว่า 10% เหลือแค่ 30% ก็จะมีโอกาสสูงที่ทำให้คนที่ได้อันดับ 2 แซงชัชชาติได้