รายงานฉบับใหม่โดยองค์การยูเนสโก องค์การยูนิเซฟ และธนาคารโลก พบว่าเด็กนักเรียนในเกือบทุกประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญกับภาวะถดถอยทางความรู้ ซึ่งเป็นผลมาจากการปิดโรงเรียนอย่างต่อเนื่องในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะเด็กจากครอบครัวยากจน เด็กที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล เด็กพิการ เด็กเล็ก ซึ่งต้องเผชิญกับปัญหานี้รุนแรงที่สุด
รายงานฉบับดังกล่าวซึ่งเผยแพร่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยมีสเตฟาเนีย จิอานนีนี ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ด้านการศึกษา องค์การยูเนสโก พร้อมนายโรเบิร์ต เจนกินส์ ผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษา องค์การยูนิเซฟ และเจมี ซาเวดรา ผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษา ธนาคารโลก ออกแถลงการณ์ร่วมกันเพื่อเรียกร้องให้นานาประเทศออกมาตราการเร่งด่วนเพื่อช่วยให้เด็กทุกคนได้กลับมาเรียนหนังสือและชดเชยความรู้ที่ถดถอย ซึ่งอาจส่งผลกระทบในระยะยาวต่อสุขภาพ ความเป็นอยู่ ตลอดจนการเรียนรู้และหน้าที่การงานในอนาคตของเด็ก ๆ
คำแถลงการณ์ร่วมระบุว่า “นับตั้งแต่มีการปิดโรงเรียนในเดือนมีนาคม 2563 เด็กนักเรียนทั่วโลกสูญเสียชั่วโมงเรียนไปมากกว่าสองล้านล้านชั่วโมง และเด็ก ๆ มากกว่า 4 ใน 5 ประเทศมีการเรียนรู้ที่ถดถอย ทักษะขั้นพื้นฐานในทุกมิติที่เด็ก ๆ ได้สะสมไว้กำลังหายไป เด็ก ๆ ลืมวิธีการอ่านและเขียน บางคนจำไม่ได้แม้แต่ตัวอักษร เด็กเล็กในเกือบทุกประเทศซึ่งกำลังจะเริ่มเข้าเรียนต่างไม่มีโอกาสได้เรียนรู้ทักษะเหล่านี้เลยเนื่องจากการศึกษาปฐมวัยที่ขาดหายไป”
คำแถลงการณ์ร่วมระบุต่อไปว่า “ตั้งแต่หกเดือนแรกหลังการแพร่ระบาด เป็นที่ทราบกันแล้วว่าเด็กอย่างน้อย 1 ใน 3 คนทั่วโลกถูกตัดขาดจากการศึกษาโดยสิ้นเชิงเพราะไม่สามารถเข้าถึงการเรียนรู้ทางไกล เรารู้ดีว่าเด็กและเยาวชนประมาณ 24 ล้านคนมีความเสี่ยงที่ต้องหลุดออกจากระบบการศึกษา เรารู้ว่าแรงงานเด็กและการแต่งงานในวัยเด็กจะเพิ่มขึ้น แม้ข้อมูลต่างๆ จะถูกพูดถึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ยังไม่มีการดำเนินการมากพอที่จะช่วยให้เด็ก ๆ ฟื้นฟูสิ่งที่พวกเขาต้องเสียไป”
ในประเทศไทย การปิดโรงเรียนอย่างต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อเด็กนับล้านคน โดยเฉพาะเด็กกลุ่มเปราะบางที่เข้าไม่ถึงการเรียนออนไลน์ ผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติในปี 2563 พบว่าครอบครัวในประเทศไทยเกือบครึ่งหนึ่งไม่พร้อมที่จะให้ลูกเรียนออนไลน์ โดยร้อยละ 51 ไม่มีอุปกรณ์สำหรับการเรียนออนไลน์, ร้อยละ 26 ไม่มีอินเทอร์เน็ต และพ่อแม่ผู้ปกครองร้อยละ 40 ไม่มีเวลาที่จะดูแลลูกในการเรียนออนไลน์
นอกจากนี้ รายงานของสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาเมื่อเดือนที่แล้ว ระบุว่า แม้ว่าจะมีความพยายามในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความเร็วอินเทอร์เน็ต หรือการผสมผสานเทคโนโลยีเพื่อการเรียนรู้ ตลอดจนการลดขนาดห้องเรียนในโรงเรียนลง แต่การแพร่ระบาดได้ส่งผลกระทบทางลบต่อภาพรวมของคุณภาพการเรียนการสอน จำนวนเด็กที่ขาดเรียนก็เพิ่มขึ้นทั้งในการเรียนในห้องเรียนและการเรียนออนไลน์
องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กำลังทำงานกับพันธมิตร เช่น กระทรวงศึกษาธิการและกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) เพื่อให้มั่นใจว่าโรงเรียนจะเปิดเรียนได้อย่างปลอดภัยและเด็ก ๆ จะสามารถเรียนตามบทเรียนได้ทัน ภายใต้ความร่วมมือในโครงการนำร่องในโรงเรียน 40 แห่งในจังหวัดสมุทรสาคร ยูนิเซฟได้สนับสนุนพันธมิตรในการประเมินภาวะความรู้ถดถอยของเด็ก ๆ และจัดอบรมครู ตลอดจนจัดเตรียมสื่อการเรียนการสอนและทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อให้ครูสามารถจัดการเรียนรู้ซ่อมเสริมที่ตรงกับความต้องการของเด็กแต่ละคนและสามารถฟื้นฟูการเรียนรู้ที่ถดถอยของเด็ก ๆ ได้ ทั้งนี้ จะมีการถอดบทเรียนจากโครงการนำร่องนี้เพื่อใช้วางแผนฟื้นฟูภาวะถดถอยทางความรู้ในโรงเรียนทั่วประเทศต่อไป
คยองซัน คิม ผู้อำนวยการองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า “ประเทศไทยได้มุ่งดำเนินการเพื่อระบุเด็ก ๆ ที่ไม่กลับเข้าเรียนและเด็กที่มีความเสี่ยงในการหลุดออกจากระบบ เป็นที่ประจักษ์แล้วว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อการศึกษาอย่างที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน ดังนั้น ยูนิเซฟจึงมุ่งมั่นทำงานร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการและพันธมิตรอื่น ๆ ในการทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องเด็ก ๆ จากการเรียนรู้ที่ถดถอยและการถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และในโอกาสที่ภาคการศึกษาใหม่กำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เราต้องดำเนินการต่าง ๆ เพื่อให้แน่ใจว่า เด็ก ๆ จะได้รับการสนับสนุนในทุกด้านเพื่อให้พวกเขากลับมาเรียนตามบทเรียนได้ทันและเรียนรู้มากยิ่งกว่าที่พวกเขาเสียไป แต่เราต้องรีบเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วน มิฉะนั้นแล้ว เด็กทั้งรุ่นอาจจะต้องเผชิญกับผลกระทบที่แก้กลับคืนมาไม่ได้”
รายงานของยูเนสโก ยูนิเซฟ และธนาคารโลก ระบุเพิ่มเติมด้วยว่า มีประเทศที่ได้ทำการสำรวจไม่ถึงครึ่งหนึ่งที่ออกมาตรการฟื้นฟูการเรียนรู้ที่ถดถอยของเด็ก ๆ ในขณะเดียวกันงบประมาณด้านการศึกษายังคงลดลงต่อเนื่องอย่างน่าใจหาย โดยเฉลี่ยประเทศต่าง ๆ จัดสรรงบประมาณด้านการศึกษาเพียงร้อยละ 3 จากแผนฟื้นฟูโควิด-19 โดยประเทศรายได้ต่ำหรือค่อนข้างต่ำจัดสรรงบประมาณด้านการศึกษาเพียงแค่ร้อยละ 1 เท่านั้น