ณ เวลานี้ หน้าฟีดบน Facebook และ Twitter ของใครหลายคนคงได้เห็นมุกจุดแข็ง-จุดอ่อน กันอย่างหลากหลาย ชนิดที่ว่าถ้าไม่กระโดดมาตามเทรนด์นี้คงจะคุยกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด จึงได้เก็บข้อมูลผ่านเครื่องมือ ZOCIAL EYE เพื่อหาที่มาของมุกสุดฮานี้ พร้อมส่องโพสต์จากแบรนด์และอินฟลูเอนเซอร์ที่มียอดเอ็นเกจเมนต์สูงที่สุด
ที่มาของไวรัลนี้เริ่มต้นจากแอคเคาท์ @k_chunh ทาง Twitter ได้โพสต์มุกจุดแข็ง-จุดอ่อนในวันที่ 9 มีนาคม เนื้อหาเกี่ยวข้องกับคำถามในการสัมภาษณ์งาน ซึ่งหลายคนที่เคยเจอคำถามเช่นนี้น่าจะรู้สึกมีส่วนร่วมด้วยได้ไม่ยาก
หลังจากนั้นแอคเคาท์ Salmon House @onsalmonlab ได้หยิบยกมุกเดียวกันไปเล่นทาง Twitter ในวันที่ 11 มีนาคม จนกลายเป็นกระแสไปทั่วทั้งโซเชียลมีเดีย
นับตั้งแต่วันที่เริ่มมีไวรัลจนถึงปัจจุบัน (9-14 มีนาคม 2565) กระแสนี้มียอดเอ็นเกนเมนต์รวมอยู่ที่ 5,790,601 เอ็นเกจเมนต์ จากผู้ใช้งานทั้งหมด 8,474 แอคเคาท์ โดย 2 ช่องทางหลักที่มีการเล่นมุกดังกล่าว คือ Twitter 57.48% และ Facebook 40.43% ส่วนช่องทางอื่นๆ อาทิ Instagram, YouTube มีสัดส่วนคิดเป็น 2.09% เมื่อลองส่องโพสต์ที่ได้รับเอ็นเกจเมนต์สูงสุด พบว่า ทั้งแบรนด์ อินฟลูเอนเซอร์ และบุคคลทั่วไปต่างนำมุกนี้มาเล่นอย่างแพร่หลาย คิดเป็นอินฟลูเอนเซอร์และคนทั่วไป 78.9% และแบรนด์ 21.1%
โดย 3 อันดับโพสต์จากอินฟลูเอนเซอร์ที่มียอดเอ็นเกจเมนต์สูงสุด ได้แก่
1.เพจเท่ง เถิดเทิง แฟนคลับ (224,046 เอ็นเกจเมนต์)
2.แอคเคาท์ @kyokazuu ทาง Twitter (136,201 เอ็นเกจเมนต์)
3.แอคเคาท์ @tattoocolourth ทาง Twitter (121,553 เอ็นเกจเมนต์)
ส่วน 3 อันดับโพสต์จากแบรนด์ที่มียอดเอ็นเกจเมนต์สูงสุด ได้แก่
1.เพจ 7-Eleven Thailand (18,790 เอ็นเกจเมนต์)
2.เพจ LEO Thailand (16,239 เอ็นเกจเมนต์)
3.เพจ Lazada (11,470 เอ็นเกจเมนต์)