ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคพท. พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก.ก. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ (ปช.) สงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ (พช.) นิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย และมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เดินทางเข้ายื่นหนังสือ ผ่าน นิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการป.ป.ช. ขอให้ ป.ป.ช.ดำเนินการไต่ส่วน เอาผิดคณะรัฐมนตรี (ครม.) , พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี , อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข , เฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์
โดยฝ่ายค้านมีเรื่องกล่าวหา 4 ประเด็นประกอบด้วย 1.เรื่องการบริหาราชการที่ผิดพลาด ล้มเหลว ทุจริตต่อหน้าที่เรื่องโควิด โดยเป็นประเด็นเกี่ยวกับการบริหารจัคซีนที่ผิดพลาด การ ทุจริตในการจัดซื้อวัคซีนซิโนแวค และการผูกขาดวัคซีนแอสตราเซเนกา 2.เรื่องการทุจริตการจัดซื้อชุดตรวจ ATK 3.การใช้วัคซีนที่ไร้คุณภาพมาฉีดให้พี่น้องประชาชน และ 4.การทุจริตสต๊อกยางพารา และการเอื้อประโยชน์ให้เกิดการทุจริต
นพ.ชลน่าน ชี้แจงเพิ่มเติมพรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นคำร้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 234 (1) เป็นเรื่องความผิดต่อการปฏิบัติหน้าที่ราชการ จงใจปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และกฎหมายมติ ครม.และข้อสั่งการของนายกฯ ไปจนถึงปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ผิดกฎหมายป.ป.ช. นี่คือข้อกล่าวหาทั้ง 4 สำนวน โดยเฉพาะ ประเด็นจัดซื้อชุดตรวจ ATK เป็นเรื่องที่มีความชัดเจนมากส่อไปทางใช้มติ ครม. เอื้อประโยชน์ เจตนา หรือจงใจใช้อำนาจหน้าที่นายกฯ ในการออก มติครม.
นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่าคำร้องของพรรคก้าวไกล ร้อง พล.อ.ประยุทธ์ และนายอนุทิน ซึ่งมีหน้าที่ในการจัดซื้อจัดจ้างเรื่องวัคซีนในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบทำให้เกิดความเสียหายต่อภาครัฐและประชาชน โดยการจัดซื้อวัคซีนนั้นหน้าที่ในการพิสูจน์ถึงความมีประสิทธิภาพหรือไม่มีประสิทธิภาพของวัคซีนเป็นหน้าที่ของผู้จัดซื้อจัดจ้าง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์และ อนุทิน ต้องชี้แจงกับ ป.ป.ช. และชี้แจงต่อประชาชนว่าวัคซีนที่ซื้อขณะนั้นมีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับสถานการณ์โควิดที่ระบาดในประเทศไทย คือสายพันธุ์เดลต้าที่เริ่มระบาดแล้วในขณะนั้น
ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ กล่าวว่าคำร้องการทุจริตสต๊อกยางพารา เป็นการทุจริตเชิงนโยบายคือการขายยางพาราโละสต๊อก จำนวน 1.4 แสนตัน ในราคาที่ต่ำกว่าราคากลางของตลาด โดยใช้มติ ครม.ที่ฝ่าฝืนกฎหมายหลายฉบับ ทั้ง พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง พ.ร.บ.ฮั้วประมูล พ.ร.บ.ควบคุมยาง พ.ร.บ.การยางแห่งประเทศไทยเพราะยางจำนวนดังกล่าวเป็นยางที่ใช้รักษาเสถียรภาพราคายางในประเทศ ที่จะนำออกมาขายในช่วงที่ราคายางในประเทศมีความมั่นคง แต่การที่นำยางออกมาขายแบบทุ่มตลาดในราคาที่ต่ำกว่าราคาซื้อขายในประเทศ ทำให้ยางราคาตกมาจนถึงปัจจุบัน ทำให้ประชาชนและรัฐเสียหายกว่า 6,000 ล้านบาท และเอื้อประโยชน์แก่เอกชนเพียงบริษัทเดียว โดยเรื่องดังกล่าวร้องให้ตรวจสอบ พล.อ.ประยุทธ์ และนายเฉลิมชัย ในฐานะประธานและรองประธานคณะกรรมการยางธรรมชาติ
ขณะที่ นิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการป.ป.ช. กล่าวว่า หลังจากนี้ ป.ป.ช.ต้องตรวจสอบคำร้องและเรียกฝ่ายเกี่ยวข้องสอบสวน ซึ่งอาจใช้เวลาพอสมควร ขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่ร้องขอเอกสารเพิ่มเติม แต่กฎหมาย ป.ป.ช. กำหนดกรอบให้ดำเนินการแต่ละคดีภายใน 2 ปีต่ออายุได้ไม่เกิน 1 ปี ส่วนความคืบหน้าการร้องเอาผิด ครม. ที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเคยยื่นเอาผิดในการอภิปรายไม่ไว้วางครั้งที่ผ่านมายังอยู่ระหว่างรวบรวมเอกสาร พยานหลักฐานเพื่อยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ต่อไป