'ชลน่าน' นำทีมฝ่ายค้านชำแหละรบ.ประยุทธ์ ชี้เป้าสารพัดปัญหารุมเร้า ทำ "แพงจนพังทั้งแผ่นดิน" จี้ นายกฯ ลาออก-ยุบสภา ขณะที่ 'นายกฯ' ยกรามเกียรติ์ เปรียบฝ่ายค้านเป็นทศกัณฑ์ ชี้ ให้ดูตอนจบ ยันรบ.นี้เป็นชุดใหม่ตามรธน. 60 ไม่ใช่รัฐบาลตั้งแต่ปี 57 ลั่นจะไม่มีการทุจริตทั้งนโยบาย-ตัวเอง
ที่อาคารรัฐสภา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางมาร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อชี้แจงการอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 152 โดยเมื่อนายกรัฐมนตรี เดินทางมาถึง ได้มีแกนนำกลุ่มสามมิตร รวมทั้ง ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ มารอต้อนรับ อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ ส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อาทิ ร.อ.จองชัย วงศ์ทรายทอง ส.ส.ชลบุรี, นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ, นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช, น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กทม. และนายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช เป็นต้น รอให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวกับ ส.ส. ที่มารอต้อนรับว่า ขอบคุณ ส.ส. ที่มา ขอให้ทุกคนช่วยกัน สู้เต็มที่สามัคคีกัน โดยเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้นายกรัฐมนตรีมีกำลังใจดีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า กำลังใจดีอยู่ทุกวัน เมื่อถามว่ามีการเตรียมความพร้อมในการอภิปรายครั้งนี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่เริ่มเลย
เมื่อถามถึงกรณีที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาเตือนว่า ระวังโดนไฮแจ็คตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งหน้า นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่มีอะไรทั้งนั้น ก่อนที่จะเดินเข้าลิฟต์เพื่อเข้าประชุม
'ชลน่าน' นำทีมฝ่ายค้านชำแหละรบ.ประยุทธ์ ชี้เป้าสารพัดปัญหารุมเร้า
ทั้งนี้ในการอภิปรายฯ มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาเรื่องด่วน ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยไม่ลงมติ ที่เสนอโดย พรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เป็นวันแรกได้เริ่มขึ้น
นพ.ชลน่าน อภิปรายเปิดญัตติ โดยมีสาระสำคัญ ว่า การอภิปรายครั้งนี้เพื่อนำเสนอประเด็นที่เป็นปัญหา แต่รัฐบาลไม่รู้ว่าคือปัญหา เพื่อให้รัฐบาลนำไปสู่การแก้ไขและให้เกิดประโยชน์ประชาชนสูงสุดทั้งนี้ การอภิปรายครั้งนี้ คือการชี้เป้า ให้ไปถล่มปัญหา ไม่ได้หมายความว่า จะถล่ม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหลม สำหรับญัตติที่จะอภิปรายนั้น เป็นญัตติแพงทั้งแผ่นดิน จนทั้งแผ่นดิน พังทั้งแผ่นดิน หรือ แพงจนพังทั้งแผ่นดิน
“รัฐบาล พรรครัฐบาล ไม่ต้องกังวลหรือเก็งข้อสอบ ไม่ต้องรีบตอบ ให้เวลาเต็มที่ ข้อเสนอแนะที่เป็นปัญหาที่ท่านไม่เห็นปัญหาให้ไปแก้ไขในเวลาที่เหมาะสม ไม่ต้องเก็งข้อสอบว่าจะเป็นการทำลายรัฐบาล แต่จะเป็นประโยชน์ ภาพใหญ่ที่จะอภิปรายคือนำปัญหาของประชาชนเป็นตัวตั้ง ทั้งจน แพง ตาย เจ็บทั้งแผ่นดิน คือ วิกฤต เราต้องการบอกกับ ครม.ว่า ควรให้เรื่องวิกฤตเป็นสิ่งที่ต้องแก้ไข ไม่ใช่เรื่องปกติ โดยขณะนี้รัฐบาล เพิกเฉยกับปัญหา การอภิปราย ตามมาตรา 152 คือ การเสนอข้อเท็จจริงและการแก้ปัญหา ยืนยันว่าไม่มีอคติ ถือโทษ ต้องขออภัยหากกระทบกระทั่งกัน ” นพ.ชลน่าน กล่าว
นพ.ชลน่าน อภิปรายด้วยว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านจะสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากความผิดพลาด บกพร่องของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่สืบเนื่องมาจากรัฐบาลคสช. เพื่อเสนอแนะ อาทิ ปัญหาเศรษฐกิจทรุด ประเทศเป็นหนี้ , การใช้งบเงินกู้ที่ไม่เหมาะสม, ของแพง ค่าแรงถูก เป็นความผิดพลาดการบริหารต้นทุน ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ที่เกิดจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น เป็นภาวะเงินฝืด ราคาเฟ้อ, ขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศยย่ำแย่ มีการผูกขาดไม่สร้างโอกาสประชาชน
“วิกฤตการเมืองที่รัฐบาลไม่สนับสนุนการปฏิรูปการเมืองให้เป็นรูปธรรมและยังใช้มิติทางการเมืองทำลายล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สิ่งที่ชัดเจนคือการลดทอนอำนาจการปกครองตนเองของท้องถิ่น ใช้ฐานอำนาจท้องถิ่นต่อรองเข้าสู่อำนาจ ในทางลงโทษผู้บริหารท้องถิ่น เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ รวมถึงการสร้างธุรกิจการเมือง สภาเสื่อม ไม่สามารถตรวจสอบได้ กินกล้วย ฉีดวัคซีน 20 - 30 ล้านบาท รับเงินเดือนประจำเดือน 2-3แสนบาท ข้อสงสัยที่เกิดขึ้นในสังคม รัฐมนตรีต้องตอบว่าทำไมต้องแจกกล้วย การแจกกล้วยทำให้เกิดปัญหาอื่นแบบครบวงจร การเมือง เศรษฐกิจ สังคม ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากการเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดอำนาจ แม้จะทำให้รัฐบาลได้เสียงข้างมาก แต่มีสภาพง่อนแง่น ไร้เสถียรภาพ แต่ได้ทำทุกวิธีทาง เพื่อกวาดต้อนส.ส. เช่น ยุบพรรค ถือเป็นการทำลายล้างประชาธิปไตย” นพ.ชลน่าน อภิปราย
นพ.ชลน่าน อภิปรายด้วยว่า ตั้งแต่ วันที่ 4 ก.ย. 63 หลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล องค์ประชุมของฝ่ายรัฐบาลไม่เคยถึงกึ่งหนึ่งของที่ประชุม 238 คน ทำให้เกิดวิกฤต ขัดแย้งแก่งแย่ง แบ่งอำนาจภายในของพรรคร่วมรัฐบาล เมื่ออยู่ไม่ได้ ต้องแสดงจุดยืน ซึ่งตนยังเชื่อว่าเขาจะทำเพื่อประชาชน นอกจากระบบตรวจสอบการใช้อำนาจมีปัญหา สิ่งที่แย่ที่สุดคือได้ผู้นำที่ไร้ความสามารถ และด้อยที่สุดเข้ามาบริหาร ทั้งนี้จากการสัมผัส พูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ ภาพขณะนั้นเป็นผู้ชายอบอุ่น เมตตา มีความรับผิดชอบ แต่ในการบริหารราชการแผ่นดิน ไร้ความเมตตา จิตสำนึกความเป็นมนุษย์กับประชาชน ซึ่งเป็นปัญหาที่ผู้นำ
"ผมขอถามว่า รัฐบาลจะแก้รัฐธรรมนูญต้นตอปัญหาของการเมืองที่ลามไปสู่ปัญหาอื่นๆ หรือไม่ หากพรรคฝ่ายค้านเป็นองค์ประชุมให้ จะแก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ ขอให้ตอบ ไม่ใช่เก็บไปดอง อย่างไรก็ดีผมเชื่อว่านายกฯ รักประชาชน ขอให้เอาหัวใจมามองสิ่งดีๆ เพื่อทำประโยชน์ให้ประชาชน ด้วยการประกาศออกจากตำแหน่ง จะลาออกจะแก้ปัญหาเร็ว เพื่อมีครม.ใหม่ หรือประกาศยุบสภา มอบอำนาจให้ประชานตัดสินใจ เชื่อจะแก้ปัญหาได้แบบเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด แพงทั้งแผ่นดินจะแก้ไขได้" นพ.ชลน่าน กล่าว
นพ.ชลน่าน อภิปรายด้วยว่า ฝ่ายค้านอภิปราย ไม่ไว้วางใจ จำนวน 2 ครั้ง และอภิปรายทั่วไป 1 ครั้ง ถึงปัญหาโรคระบาดของไวรัสโควิด-19 แม้รัฐบาลจะมี ศบค. และทีมทำงาน กลับพบว่าการแก้ปัญหาไม่ดีขึ้น ทั้งนี้รัฐบาลอาจมองว่าเป็นโชคช่วยเพราะเกาะโรคเพื่อดำรงอยู่ จึงเลี้ยงโรค เลี้ยงไข้ ตนไม่ได้กล่าวหา แต่เป็นข้อเท็จจริง โชคดีที่โอมิครอน ช่วยชีวิต แต่การบริหารจัดการแผ่นดิน การจัดหาวัคซีน การฉีดวัคซีนและบูสเตอร์ที่ล่าช้า รวมถึงจำนวนวัคซีนล้นเมือง เป็นสิ่งต้องถามและเสนอแนะปัญหา
“ขอให้ติดตามสรุปจบของประธานวิปฝ่ายค้าน แม้ไม่ถึงกับเก็บศพ แต่จะหามใส่รถฉุกเฉินเข้าไอซียู หากไม่แก้ พฤษภาคม จะเก็บศพแน่นอน” ผู้นำฝ่ายค้านกล่าวทิ้งท้าย
'นายกฯ' ยกรามเกียรติ์ เปรียบฝ่ายค้านเป็นทศกัณฑ์
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ตนพร้อมรับฟังด้วยเหตุผล อะไรที่ต้องนำไปแก้ไขก็จะดำเนินการ รัฐบาลพยายามดำเนินการมาตลอด จากข้อมูลที่ฝ่ายค้านกล่าวมาทั้งหดมยังไม่ลงรายละเอียด แต่ครม.จะมีคำชี้แจงให้แน่นอน เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับฟังแต่โจทก์เพียงอย่างเดียว แต่จะได้รับฟังการแก้ไขปัญหาและความก้าวหน้าที่รัฐบาลทำด้วย ซึ่งทั้งหมอขึ้นอยู่กับการตัดสินใจและความเชื่อมั่นของประชาชนทั้งประเทศ
“เคยคุยกับท่านครั้งหนึ่ง ท่านเคยบอกว่าผมเข้ามาในสภาควรวางบทบาทให้เหมือนรามเกียรต์ ผมเล่นในบทพระราม พระลักษณม์ ฉะนั้น อีกฝ่ายหนึ่งก็ต้องเล่นบททศกัณฑ์ ผมไม่ได้คิดว่าประเทศชาติจะต้องเป็นแบบรามเกียรติ์ แต่ท้ายที่สุดของเรื่องรามเกียรติ์ ทศกัณท์เป็นอย่างไรในตอนท้ายก็รู้อยู่แล้ว” นายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ยืนยันรัฐบาลชุดนี้ไม่ใช่รัฐบาลเดิมจากปี 57 เพราะเข้ามาตามรัฐธรรมนุญปี 60 เข้ามาตามกฎหมายใหม่ มีคนที่อยู่ในอำนาจเดิมเข้าครม.เพียงไม่กี่คน แต่อีก 32 คน ในครม. เป็นคนใหม่ทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่านโยบายก็ต้องใหม่ทั้งหมด
นายกฯ ระบุด้วยว่า ทุกประเด็นชี้แจงได้หมด ทั้งวัคซีน เศรษฐกิจ โรคระบาด ยาเสพติด ปฏิรูปการเมือง การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น โดยเฉพาะการบริหารที่ส่อทุจริตจนส่งผลต่องบประมาณ อย่าพูดคำนี้กับตนหากไม่มีหลักฐาน ไม่มีคดีความที่ทำให้เกิดในการความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน จากวันนั้นถึงวันนี้ ยืนยันตนจะไม่มีการทจุริตโดยเด็ดขาดทั้งด้านนโยบายและตัวผม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนท้ายว่า ทุกเรื่อง แพง จน พังทั้งแผ่นดินที่ฝ่ายค้านกล่าวมา รัฐบาลรับไว้หมดเพื่อดำเนินการดูแลแก้ไข ต่างคนต่างเล่นคนละบทบาทจะให้ตนเล่นเป็นพระลักษณ์ พระรามก็แล้วแต่ ท่านอยากเป็นทศกัณฐ์ก็แล้วแต่ ดูหนังดูละครก็ขอให้ย้อนดูตัวคนเล่นละครด้วย ตนก็โดนพวกท่านดูอยู่ ฉะนั้น ต้องดูตัวละครอื่นด้วย มันถึงจะสำเร็จ ประเทศไทยใหญ่กว่ารามเกียรติ์มาก