Skip to main content

อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่ากระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงว่า เรื่องวัคซีนตนได้ชี้แจงและถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจมาสองรอบแล้ว การดำเนินการในกระทรวงสาธารณสุข ให้ความสำคัญ 3 ด้าน คือ บุคลากรทางการแพทย์ ต้องได้รับการบำรุงขวัญในการทำงาน ต่อยอดนโยบายเดิม และเพิ่มเติมนโยบายใหม่ และพี่น้องประชาชนต้องได้รับการบริการที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะในภาวะโรควิกฤตหรือภาวะปกติ

"เราประคองสถานการณ์มาได้ถึงขนาดนี้บุคลากรทางการแพทย์คือกลุ่มที่สำคัญที่สุด ถ้าประชาชนได้เห็นการทำงานของพวกเขา เขาอยู่หน้างาน และใช้องค์ความรู้ทั้งหมดที่มี และเมื่อถึงเวลาอันควร กระทรวงก็ได้ขอให้มีการบรรจุตำแหน่งให้กับพวกเขา เพราะที่ผ่านมาเป็นพนักงานของรัฐใช้เงินจ้างจากโรงพยาบาล แต่ไม่มีความมั่นคง กระทรวงก็ได้เพิ่มตำแหน่งงานให้สอดคล้องกับภาระงานที่มี" อนุทิน กล่าว 
 
นอกจากนี้การตรวจจับโรคและการรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อ รัฐบาลไม่เคยรายงานตัวเลขผิดหรือตัวเลขไม่จริง ไม่อย่างนั้นก็จะไม่สามารถวางแผนรับมือสถานการณ์ได้จนได้รับการยอมรับระดับโลก อีกทั้งยังมีการฉีดวัคซีนไปแล้วถึง 120 ล้านโดส อัตราการตายต่อวันต่ำลงก็เพราะจากการฉีดวัคซีน ส่วนผู้เสียชีวิตก็มาจากกลุ่มที่มีโรคประจำตัวอื่นๆ หรือยังไม่ได้รับวัคซีน และหากใครที่ยังไม่ได้รับวัคซีน ขอความกรุณาให้พาท่านเหล่านั้นมารับวัคซีน แล้วจะมีความปลอดภัย กระทรวงไม่เคยฉีดวัคซีนตามใจตัวเอง ทุกครั้งต้องได้รับไฟเขียวจากผู้เชี่ยวชาญ มีการอ้างอิง มีงานวิจัย และมีมาตรฐานสากลทางการแพทย์ การควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุขก็ยังสามารถควบคุมป้องกันการระบาด เมื่อเจ็บป่วยเราก็มีทรัพยากรในการดูแลรักษาพยาบาล เด็กที่ต้องไปโรงเรียน หากได้รับวัคซีนก็มีภูมิคุ้มกันที่เพียงพอและขยายวงไปเรื่อยๆ 

อนุทิน กล่าวว่า ระบบสาธารณสุขของประเทศเป็นสิ่งที่ดี ทั้ง 30 บาทรักษาทุกโรค หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า บัตรทอง ไม่มีใครลืมคนที่คิดค้นหรือสร้างมา ไม่มีใครไปด้อยค่าระบบสาธารณสุขที่เป็นประโยชน์กับประเทศไทย เราต้องต่อยอดให้เป็นประโยชน์เพิ่มมากขึ้น ทำให้คนไทยต้องไม่ล้มละลายกับการรักษาสุขภาพของตนเอง มะเร็ง ฟอกไต ฟรี รักษาทุกที่ เป็นวีไอพีในทุกแห่ง อีกทั้งนายกรัฐมนตรีมอบเป้าหมายในการทำงานของกระทรวงให้คนไทยมีสุขภาวะและผู้แทนราษฎรทุกคนก็ให้ความสำคัญสนับสนุนนโยบาย ในภาวะวิกฤตเราสามารถจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม ชุด PPE เราสามารถผลิตได้เองแล้ว ยาก็นำเข้ามาให้เพียงพอ

"วัคซีนชิโนแวคลงทะเบียนฉีดให้เด็กได้ตั้งแต่ 3 ขวบ แต่หลังจากการประชุมและทดลองของผู้เชี่ยวชาญ เราเห็นว่าควรให้ใช้สำหรับเด็กอายุ 6 ขวบก่อน นี่คือตัวอย่างที่อยากให้มั่นใจ ว่าระบบสาธารณสุขไทยเข้มแข็งเกินกว่าที่จะใครจะขอยกเว้น เราคิดค้นวิธีที่จะเข้าถึงเวชภัณฑ์ต่างๆ" อนุทิน กล่าว