Skip to main content

จากกรณีที่มีคลิป ครูคนหนึ่ง ของโรงเรียนวังหลวงพิทยาสรรพ์ จ.หนองคาย ทำร้ายร่างกายเด็กนักเรียนอย่างรุนแรง ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกลระบุว่า นับวันยิ่งเห็นความรุนแรงในโรงเรียนจนลืมไปว่านี่คือสถานศึกษาที่ผู้ปกครองวางใจเมื่อส่งลูกมาโรงเรียน เหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นผู้กระทำกลับเป็นครูที่ละเมิดสิทธิเด็กและเยาวชน ส่งผลต่อความรุนแรงทางตรงต่อร่างกาย ตัวอย่างข่าวครูข่มขืนนักเรียน และล่าสุดครูโหดซ้อมทำร้ายนักเรียนต่อหน้านักเรียนจำนวนมาก วันนี้เราต้องตั้งคำถามเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้อย่างไร

ทุกครั้งที่เราพูดเรื่องความรุนแรงไม่ใช่แค่การทำร้ายร่างกายแต่ความรุนแรงนั้นบ่มเพาะในสถานศึกษาผ่านบทเรียนต่าง ๆ อีกทั้งกฎระเบียบชุดนักเรียนการไว้ทรงผมที่ไม่ส่งเสริมให้เด็กค้นหาตัวตน แต่กลับให้เด็กเรียนรู้การเป็นผู้ตาม ไม่กล้าถามไม่กล้าคิด เมื่อใครแตกแถวหรือคิดต่างก็จะมีครูทำโทษ ที่ในช่วงสามปีที่ผ่านมาข่าวได้มีการนำเสนอมากมาย เราเห็นสิ่งเหล่านี้ไม่เว้นแต่ละวัน

ธัญวัจน์ระบุว่า ตนยังคงขอเรียกร้องซ้ำๆไปยัง ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ว่าการเปลี่ยนแปลงการศึกษานั้นต้องเปลี่ยนถึงรากฐาน และรัฐมนตรีควรเริ่มเห็นได้แล้วว่าความรุนแรงที่บ่มเพาะในสถานศึกษาเป็นภัยต่อเด็กและเยาวชน วันนี้โรงเรียนไม่เป็นที่ปลอดภัย โรงเรียนต้องเป็นโรงเรียน ไม่ใช่สถานกักกันทรมานเด็กเยาวชน

คราวก่อนครูข่มขืน คราวนี้ครูซ้อมนักเรียน ต้องเปลี่ยนให้โรงเรียนเป็นสถานที่ทรมานเด็กก่อนหรืออย่างไรท่านถึงสนใจแกเปัญหาอย่างจริงจัง และย้ำว่าเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องของครูที่ลงมือกระทำเพียงคนเดียว แต่ต้องสืบสวนผู้บริหารของโรงเรียนทั้งหมด  ทุกครั้งที่เกิดเหตุห่วงแต่เสียชื่อ ช่วยกันปกปิดผู้บริหารโรงเรียนที่พยายามทำปกปิดซึ่งเป็นสร้างวัฒนธรรมลอยนวลพ้นผิดและไม่รับผิดชอบ ดังนั้นต้องเอาผิดผู้บริหารเขตพื้นที่การศึกษาที่ไม่ปกป้องคุ้มครองสิทธินักเรียนและเข้าไปดำเนินการอย่างรวดเร็วเพียงพอ 

"ทุกวันนี้เรามีรัฐมนตรีศึกษาก็เหมือนไม่มีเพราะไม่ได้มีรัฐมนตรีที่มาจากความรู้ความสามารถ แต่มาจากการแบ่งโควตากันทางการเมือง ไม่ได้คิดว่าคนที่มาจากนักการเมืองจะไม่เก่ง แต่จากที่เราเห็น นักการเมืองที่บริหารประสบความสำเร็จ มีผลงาน ล้วนมาจากการ “ลงมือทำ” อย่างใส่ใจ" ธัญวัจน์ ทิ้งท้าย