Skip to main content

นอกเหนือจาก แคนาดา อังกฤษ และไต้หวัน ดูเหมือนญี่ปุ่นจะเป็นอีกทางเลือกในการสำหรับชาวฮ่องกงจำนวนนับหมื่นคนที่ตัดสินใจอพยพจากบ้านเกิด

เว็บไซต์ japantimes เปิดรายงานสถิติการอพยพย้ายถิ่นฐานล่าสุดพบว่า ชาวฮ่องกงมีจำนวนลดลงราวๆ 1.6% เหลือประชากรอยู่ประมาณ 7.29 ล้านคนในปีที่ผ่านมา (2564) โดยประชากรมากกว่า 110,000 คนที่ตัดสินใจย้ายออกจากฮ่องกง จำนวนหนึ่งไปตั้งรกรากใหม่ที่ไต้หวัน อีกจำนวนหนึ่งย้ายไปสหราชอาณาจักรซึ่งฮ่องกงเคยเป็นอาณานิคมทำให้ง่ายต่อการย้ายไปอยู่ อีกทั้งยังได้รับสัญชาติด้วย นอกจากนี้ ประเทศแคนาดาก็ยังเป็นประเทศที่ได้รับความนิยมเช่นกันเนื่องจากมีประชากรชาวจีนอยู่จำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม ประเทศญี่ปุ่นกำลังจะเป็นทางเลือกใหม่สำหรับบางคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่ญี่ปุ่นกำลังเปิดพรมแดนอีกครั้งหลังปิดมานานตั้งแต่ช่วงการแพร่ระบาดของไวรัส

แม้หลายคนตัดสินใจย้ายไปญี่ปุ่นด้วยเหตุผลทางการเมือง แต่บางคนให้เหตุผลถึงปัจจัยเชิงโครงสร้างในฮ่องกง โดยเน้นเรื่องเงินเฟ้อ, ราคาบ้านที่สูงเกินไป ทางเลือกทางการศึกษาที่จำกัด และการขาดโอกาส ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มผู้อพยพจำนวนมากที่ย้ายไปอยู่ญี่ปุ่น ก็เพื่อใช้ประโยชน์จากโอกาสทางธุรกิจของพวกเขา

อีกทั้งความไม่มั่นคงทางการเมืองในฮ่องกงถูกชาวฮ่องกงนำไปอ้างมากขึ้นในการตัดสินใจย้ายออกไปต่างประเทศ

การประท้วงใหญ่ในปี 2019 มีผู้ร่วมประท้วงกว่า 2 ล้านคนที่ต่อต้านร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนและเมื่อ 5 ปีก่อน มีชาวฮ่องกงหลายหมื่นคนออกมายึดแยกสำคัญๆ บนเกาะฮ่องกง ภายใต้ขบวนการ Occupy และจากการประท้วงทั้ง 2 เหตุการณ์นี้นำไปสู่การปะทะ โดยในปี 2019 มีการใช้แก๊สน้ำตาระหว่างผู้ประท้วงและตำรวจในย่านช้อปปิ้ง ห้างสรรพสินค้า และวิทยาเขตของมหาวิทยาลัย

สตีเฟน อาร์. นากี (Stephen R. Nagy) รองศาสตราจารย์อาวุโสของ International Christian University ในโตเกียวและอดีตผู้เคยอาศัยในฮ่องกง กล่าวว่า เบื้องหลังการอพยพออกของชาวฮ่องกงส่วนใหญ่ คือ กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติปี 2020 โดยนากี เสริมว่า คนหนุ่มสาว และคนที่มีลูกมองว่า ฮ่องกงสูญเสียโมเดล 'หนึ่งประเทศ สองระบบ' ไป ซึ่งทำให้เมืองนี้กลายเป็นอีกเมืองหนึ่งของจีนไป

อีกทั้ง กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติได้ทำลายภาคประชาสังคมและความสามารถในการประท้วงต่อต้านรัฐบาลท้องถิ่น ทำให้ฮ่องกงขยับเข้าใกล้แผ่นดินใหญ่มากขึ้นในแง่ของการบังคับใช้กฎหมาย และรู้สึกว่ารัฐบาลฮ่องกงไม่มีอำนาจเท่าเดิม ส่วนการแพร่ระบาดของไวรัสนี้เป็นตัวกระตุ้นให้ชาวฮ่องกงมองเห็นว่า ฮ่องกงไม่ให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชนหรอภาคประชาสังคม และยังขาดรัฐบาลที่ตอบสนองต่อพลเมืองของตนเองอีกด้วย

นอกจากนี้สิ่งที่ญี่ปุ่นสามารถให้กับชาวฮ่องได้คือ ความเป็นประชาธิปไตยที่หาในประเทศ ทำให้ชาวฮ่องกงสามารถพูดอะไรก็ได้ที่ใจต้องการ แถมยังประกาศตัวเองว่าเป็นชาวฮ่องกงได้อย่างเต็มภาคภูมิ ชาวฮ่องกงที่ย้ายมาญี่ปุ่นยังรู้สึกปลอดภัยในการใช้ชีวิต แต่อุปสรรคในการใช้ชีวิตอยู่ในญี่ปุ่นของชาวฮ่องกงก็มีเช่นกัน โดยพวกเขากังวลเกี่ยวกับค่าตอบแทนในการทำงาน ภาระเรื่องภาษีที่สูงขึ้น อุปสรรคด้านภาษา โรงเรียนนานาชาติที่จำกัด ความคิดถึงบ้าน และการเลือกปฏิบัติ

ในตอนท้าย รองศาสตราจารย์อาวุโสจากมหาวิทยาลัยนานาชาติคริสเตียน ได้เพิ่มเติมว่า ด้วยนโยบายของ ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ที่ต้องการพื้นที่ให้เหล่าสตาร์ท อัพมากขึ้น จึงถือเป็นโอกาสดีที่จะดึงดูดชาวฮ่องกงที่มีเงินทุน พูดได้หลายภาษา และรักความเป็นญี่ปุ่นอยู่แล้วให้ออกเดินทางจากเกาะฮ่องกงย้ายมาประกอบธุรกิจใหม่ๆ ยังญี่ปุ่นได้