Skip to main content

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายหลังประชุมร่วมกับสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานกรรมาธิการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา เพื่อหารือและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับข้อเสนอแนะเชิงนโยบายและเชิงบริหารจัดการหาบเร่แผงลอย ว่า วันนี้ได้มีการหารือและให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์หลายเรื่อง ทั้งเรื่องหาบเร่แผงลอย การดูแลคนจนเมือง การศึกษาที่จะใช้พื้นที่โรงเรียนมาสอนให้เด็กรู้จักวิธีคิดสร้างรายได้ การนำผู้สูงอายุในชุมชนมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งเช่นปลูกผักนำมาขายให้โรงเรียนช่วยเพิ่มรายได้ให้ผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นการมองปัญหาในองค์รวม ทั้งสร้างความรู้ให้เด็กและสร้างรายได้ให้ผู้ใหญ่ช่วยให้เกิดความภาคภูมิใจด้วย สำหรับเรื่องหาบเร่แผงลอย คงไม่ต้องพูดถึงความจำเป็น แต่จะอยู่ร่วมกันอย่างไรให้อยู่ด้วยกันได้ ซึ่งประธานกรรมาธิการฯ ได้มีข้อเสนอมา กทม.ก็ดำเนินการอยู่หลายเรื่องที่ตรงกัน ซึ่งกทม. จะนำไปปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เพื่อช่วยในเรื่องของเศรษฐกิจของทั้งผู้ซื้อและผู้ขายด้วย 

ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องหาบเร่แผงลอย กทม. เดินหน้าเต็มที่ โดยมี 2 ส่วนที่เป็นข้อกำหนด คือ 1.การยกเลิกจุดผ่อนผันเดิมไปจำนวนมาก ซึ่งตอนนี้ได้มีการทบทวนการพิจารณาอนุญาตเป็นจุดทำการค้า 31 จุด ได้มอบรองผู้ว่าฯ จักกพันธุ์ ลงพื้นที่ดูต้นแบบพัฒนาบางจุดมีความเหมาะสม บางจุดไม่เหมาะ คาดว่าจะได้ข้อสรุปกลุ่มแรกได้ภายใน 2 สัปดาห์นี้ 2.เรื่องกฎเกณฑ์ระเบียบต่างๆ ที่ต้องไปศึกษา ซึ่งจากการพิจารณา กทม.มีตลาดอยู่ 3 ประเภท คือ ตลาดชุมชน ตลาดออฟฟิศ และตลาดสำหรับนักท่องเที่ยว ซึ่งแต่ละตลาดอาจมีกฎเกณฑ์ระเบียบแตกต่างกันไป และต้องมองหาความร่วมมือกับเอกชน ร่วมทำ Hawker Center ซึ่งกำลังศึกษารูปแบบของสิงคโปร์และกำลังหาพื้นที่อยู่ ส่วนกรณีหยุดวันจันทร์ ตนมีความเห็นว่าอาจต้องมีหยุดบ้าง เพราะสุดท้ายอาจมีการจับจองพื้นที่ยาว และไม่ได้มีการทำความสะอาด ซึ่งอาจให้หยุด 1วัน/สัปดาห์ หรือ 1วัน/2สัปดาห์ จะเป็นวันไหนก็แล้วแต่ลักษณะของพื้นที่

ด้านสังศิต พิริยะรังสรรค์ ประธานกรรมาธิการฯ กล่าวว่า สิ่งที่คณะกรรมาธิการฯ ได้นำมาเสนอ 2 เรื่องใหญ่ คือ เรื่องหาบเร่แผงลอย นโยบายส่งเสริมการมีอาชีพที่สุจริตเป็นเรื่องสำคัญในขณะนี้ที่เศรษฐกิจมีความยากลำบาก เห็นควรต้องมีการทบทวนระเบียบคำสั่งต่างๆ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ให้แม่ค้าได้กลับมาค้าขาย โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ร่วมกันระหว่างผู้ใช้ทางสาธารณะกับผู้ที่จะทำมาค้าขาย รวมถึงการหยุดวันจันทร์ให้ทบทวนยกเลิก ให้ขายได้ทุกวันเพราะต้องกินต้องใช้ทุกวัน อยากให้ กทม.มองแม่ค้าหาบเร่แผงลอยเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจขนาดย่อม เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญไม่เฉพาะของกทม. แต่เป็นเรื่องสำคัญของประเทศ  อีกเรื่องคือ เรื่องที่อยู่อาศัย ที่จะเป็นที่เช่าพักอาศัยของคนจนซึ่งมีอยู่จำนวนมาก ให้ได้มีที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ นอกจากนี้มีเรื่องความมั่นคงของประเทศด้านการศึกษา คณะกรรมธิการฯได้มีการทำงานให้เกิดการปฏิรูปการศึกษา โดยฝึกฝนให้เด็กนักเรียนมีคุณธรรม จริยธรรม รู้คุณบิดามารดาและสามารถประกอบอาชีพเองได้ ตั้งแต่ชั้นอนุบาล-ประถมต้องทำธุรกิจเป็น ให้เด็กกลุ่มเสี่ยงที่พ่อแม่ฐานะไม่ดี กทม.ควรชดเชยให้เด็กเหล่านี้ได้มีโอกาสทางการศึกษาทัดเทียมเด็กโรงเรียนอื่นๆ เชื่อว่าจะเป็นการลงทุนในระยะยาวที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำความยากจนของคนระดับล่างได้

"วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ได้ทำงานร่วมกันกับคณะกรรมาธิการแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำ วุฒิสภา หัวใจหลักคือการลดความเหลื่อมล้ำของเมือง กทม.ไม่ได้มีหน้าที่แค่เก็บขยะ ลอกท่อ ต้องมีหน้าที่ดูแลเศรษฐกิจของเมืองด้วย เพราะเมืองคือตลาดแรงงาน ถ้าเศรษฐกิจไม่ดีเมืองไปรอดไม่ได้ เราต้องให้โอกาสโดยเฉพาะคนตัวเล็กตัวน้อยให้ได้พัฒนาความมั่นคงทางเศรษฐกิจมากขึ้น ซึ่งกทม. คงไม่สามารถนำเงินไปทำสวัสดิการให้ได้ แต่สามารถช่วยเรื่องการศึกษาที่ดี การสาธารณสุขที่ดี และให้โอกาสทำมาหากินที่เท่าเทียมกัน" ชัชชาติกล่าว