Skip to main content

 

โครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุในอังกฤษ ที่นำรูปแบบการอยู่อาศัยร่วมกันในรูปแบบ “ชุมชน” ที่เก่าแก่ที่สุดของของสหราชอาณาจักรมาปรับใช้ ได้รับรางวัลจากสถาบันราชสถาปนิกแห่งสหราชอาณาจักรประจำปี 2025

Appleby Blue Almshouse ได้รับรางวัลอาคารยอดเยี่ยมแห่งปีของอังกฤษ หรือ Stirling Prize จากสถาบันราชสถาปนิกแห่งสหราชอาณาจักรประจำปีนี้ จากแนวคิดการนำหนึ่งในรูปแบบของการอยู่อาศัยที่เก่าแก่ที่สุดของสหราชอาณาจักร มาออกแบบเพื่อการอยู่อาศัยร่วมกันของผู้สูงอายุยุคปัจจุบัน ในการช่วยลดความเหงาและการแยกตัวออกจากสังคมของผู้สูงอายุ

โครงการนี้ นำเอารูปแบบการอยู่อาศัยที่เรียกว่า almshouse ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยยุคกลาง คือที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยาสำหรับผู้สูงอายุและผู้มีรายได้น้อยที่ดำเนินการโดยองค์กรการกุศลโดยที่มีชุมชนคอยสนับสนุน ปกติ almshouse จะซ่อนอยู่ตามตรอกหรืออยู่ในชนบท เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้อยู่ห่างจากความวุ่นวายของสังคมเมือง แต่ผู้บริหารโครงการ Appleby Blue เห็นว่า รูปแบบการอยู่อาศัยแบบนั้นอาจทำให้คนที่อยู่ขาดการเชื่อมต่อกับชุมชน

Appleby Blue Almshouse ตั้งอยู่บนถนนที่คึกคักในย่านเบอร์มอนด์ซีย์ใกล้ใจกลางลอนดอน มีห้องพักจำนวน 57 ยูนิตสำหรับผู้ที่มีอายุ 64 ปีขึ้นไป โดยสถาปนิกออกแบบห้องต่างๆ ที่เชื้อเชิญให้ผู้อยู่อาศัยและชุมชนโดยรอบได้มาสังสรรค์ผ่านการกินอาหารร่วมกัน หรือผ่านกิจกรรมที่จัดขึ้น และการพบปะกันโดยบังเอิญ

“เราต้องการสถานที่ที่ผู้คนทุกวัยมาพบปะกัน เราจึงชัดเจนมากกับผู้ที่อยากอยู่อาศัยที่นี่ว่า พื้นที่ส่วนกลางจะเปิดให้ทั้งชุมชนได้เข้ามาใช้ มันจะไม่ใช่ห้องนั่งเล่นเงียบสงบสำหรับผู้อยู่อาศัยที่คุณแค่จิบชาอยู่มุมหนึ่งแล้วอ่านหนังสือ คุณอาจได้ยินเสียงเด็กบ้างเป็นบางครั้ง” มาร์ติน แครดด็อค ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร United St. Saviour’s Charity ซึ่งเป็นผู้บริหารและดำเนินการโครงการกล่าว

อินกริด ชโรเดอร์ ผู้อำนวยการสถาปนิกสมาคมในลอนดอน และประธานกรรมการตัดสินรางวัลปีนี้กล่าวว่า ตามเกณฑ์ เรามองหาอะไรที่โดดเด่นในด้านการแสดงออกทางสถาปัตยกรรม พร้อม “ความใส่ใจเรื่องความยั่งยืน” และ “หน้าที่ต่อสาธารณะ”

Appleby Blue Almshouse เป็นเวอร์ชันสมัยใหม่ของ almshouse ตัวอาคารถูกออกแบบให้หันไปยังทางเดินเท้าที่มีผู้คนสัญจรหนาแน่น ซึ่งทำให้ผู้อยู่อาศัยและคนเดินถนนสามารถทักทายกันผ่านหน้าต่างบานใหญ่ที่เรียงรายตามชั้นหนึ่งและสองของอาคาร 5 ชั้น ขณะที่ผนังอิฐและหน้าต่างกรอบไม้โอ๊ก ช่วยทำให้พื้นที่ขนาด 5,800 ตารางเมตรของโครงการกลมกลืนกับบ้านสไตล์วิคตอเรียที่อยู่โดยรอบๆ

ขณะที่ตัวอาคารถูกออกแบบเป็นรูปทรงเกือกม้า ล้อมรอบลานตรงกลางซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวชอุ่มและน้ำพุ ให้ผู้อยู่อาศัยมีพื้นที่ผ่อนคลาย และมีดาดฟ้าที่ทำเป็นสวนผลไม้และแปลงปลูกผักและสมุนไพร

ภายในอาคาร ห้องชุดที่อยู่อาศัยเชื่อมต่อกันด้วยทางเดินกว้างที่มีหน้าต่างบานใหญ่หันออกไปยังลานกลาง ช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าสู่ตัวอาคาร การออกแบบแบบของสถาปนิกทำให้ได้ทั้งแสงสว่างและทำความอบอุ่นภายในอาคาร

ตลอดทางเดินเชื่อม มีม้านั่งวางเรียงราย ทำหน้าที่เป็น “พื้นที่ทางสังคม” เปิดโอกาสให้เกิดการพบปะกันอย่างไม่เป็นทางการระหว่างเพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ร่วมกัน โดยมีแปลงต้นไม้และผนังกรุไม้ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน

ในอาคารยังมีห้องหลายประเภทที่ส่งเสริมการพบปะกัน เช่น ห้องสมุด ห้องทำงานอดิเรก ห้องครัวและพื้นที่รับประทานอาหารรวม ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าของโครงการ ห้องเหล่านี้ไม่ได้ให้บริการเฉพาะแต่ผู้อยู่อาศัยเท่านั้น มันยังถูกออกแบบมาเพื่อทำหน้าที่เป็น “ศูนย์ชุมชน” สำหรับจัดกิจกรรมให้กับทั้งย่าน เช่น คลาสทำอาหาร คลาสเรียนเต้นซัลซ่าสำหรับคุณแม่และเด็ก รวมถึงเปิดให้เช่า ซึ่งไม่เพียงจะมีรายได้สำหรับค่าใช้จ่ายบำรุงรักษาอาคาร แต่ยังดึงดูดคนทุกวัยให้เข้ามาใช้งาน

“คุณจะสังเกตได้ว่าคนที่มาใช้พื้นที่นี้มักอยากอยู่ต่อ และมีปฏิสัมพันธ์อย่างเป็นธรรมชาติระหว่างผู้อยู่อาศัยกับผู้ที่มาใช้พื้นที่ จนเกิดเป็นฟังก์ชันของชุมชน” ชโรเดอร์กล่าว

กรรมการผู้ตัดสินรางวัลชื่นชมวิธีการออกแบบของ Witherford Watson Mann บริษัทสถาปนิกผู้ออกแบบโครงการนี้ ซึ่งเป็นการออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อสังคม โดยปรกติที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุรายได้น้อยมักให้ความรู้สึกเหมือนสถานที่ราชการและแยกตัว แต่ Appleby Blue แสดงให้เห็นว่า ที่อยู่อาศัยเหล่านี้สามารถมอบชีวิตที่มีศักดิ์ศรี และทำให้ผู้อยู่อาศัยเชื่อมโยงกับชุมชนของพวกเขาได้

ในปี 2024 มีผู้สูงอายุในสหราชอาณาจักรที่แก่กว่ากว่า 64 ปี ราว 4.3 ล้านคนอาศัยอยู่ตัวคนเดียว โดยผู้สูงอายุเหล่านี้มักอาศัยอยู่ในบ้านขนาดใหญ่ที่มีค่าใช้จ่ายสูง และไม่เหมาะกับสภาพร่างกายของพวกเขา มีงานวิจัยที่ชี้ว่า ปัจจัยเหล่านี้สามารถทำให้เกิดความรู้สึกเหงา และการแยกตัวทางสังคมในกลุ่มผู้สูงอายุทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

การออกแบบเมือง จึงมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับความเหงา ในพื้นที่สาธารณะอาจหมายถึงการสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางสังคมเพิ่มขึ้น เช่น ห้องสมุด สวนสาธารณะ หรือศูนย์ชุมชน รวมถึงการออกแบบพื้นที่ที่ส่งเสริมให้เกิดการพบปะกันโดยบังเอิญระหว่างเพื่อนบ้านและผู้คนทั่วไปให้มากขึ้น

ขณะเดียวกันในพื้นที่เอกชน เช่น ชุมชนที่อยู่อาศัย หรือ Co-housing สถาปนิกสามารถออกแบบให้มีพื้นที่ส่วนรวม เช่น ทางเดินเพื่อการพบปะ และสิ่งอำนวยความสะดวกร่วมกัน หรือพื้นที่ร่วมกันที่เพื่อนบ้านมีส่วนร่วมในกิจกรรมของชุมชนอย่างจริงจัง

ในปี 2023 มีผู้พักอาศัยใน almshouse ราว 36,000 คน ซึ่งดำเนินการโดยองค์กรการกุศลราว 2,600 แห่ง The Almshouse Association Almshouse จึงเป็นทางเลือกเล็กๆ ของรูปแบบที่อยู่อาศัยของผู้สูงอายุในสหราชอาณาจักรที่กำลังเติบโต เป็นที่อยู่อาศัยราคาย่อมเยา ดำเนินการโดยองค์กรการกุศล ที่มีการจัดกิจกรรมสำหรับผู้อยู่อาศัยพร้อมสนับสนุนให้พวกเขาใช้ชีวิตอย่างอิสระ และให้ความเป็นชุมชนมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับความเหงาและช่วยยืดอายุขัยให้กับผู้สูงอายุที่เข้าพักอาศัย

 

ที่มา
A Housing Complex Designed to Tackle Loneliness Wins Britain’s Best Building