ญี่ปุ่น เผชิญปัญหาการหดตัวของประชากรอย่างหนักหน่วงต่อเนื่องมาหลายปี จนทำให้ชุมชนในชนบทจำนวนมากร้างผู้คน ขณะที่อัตราส่วนของคนในวัยทำงานที่ต้องดูแลผู้สูงอายุที่ไม่ได้ทำงานที่เพิ่มสูงขึ้น สร้างแรงกดดันให้กับระบบสวัสดิการสังคม และกระทบกับการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะยาว
ล่าสุด นายกรัฐมนตรีซานาเอะ ทาคาอิจิ ของญี่ปุ่น ระบุว่า ปัญหาการลดลงของจำนวนประชากร เป็น “ปัญหาที่ใหญ่ที่สุด” ของประเทศ และได้กำหนดแผนปฏิบัติการเพื่อรับมือกับวิกฤตนี้
ญี่ปุ่น ถูกจัดให้เป็น “สังคมสูงวัยระดับสุดยอด” ซึ่งหมายถึงประเทศที่มีประชากรอายุเกินกว่า 65 ปี เป็นสัดส่วนสูงกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งประเทศ แต่ในกรณีญี่ปุ่น สัดส่วนนี้สูงขึ้นจนใกล้แตะร้อยละ 30 แล้ว
ประชากรของญี่ปุ่นลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 16 ติดต่อกัน โดยในปี 2024 โดยมีทารกแรกเกิดเพียง 686,061 คน ต่ำที่สุดนับตั้งแต่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลมา กระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่น เผยว่า อัตราการให้กำเนิดทารกของผู้หญิง ลดลงจาก 1.20 คนในปีก่อนหน้ามาเป็น 1.15 คน
ในท่ามกลางค่าครองชีพที่สูงขึ้น ค่าจ้างที่ตามไม่ทันอัตราเงินเฟ้อ และทัศนคติของคนรุ่นใหม่ที่เปลี่ยนไปเกี่ยวกับเรื่องสมดุลชีวิตการทำงาน รวมถึงทัศนคติเรื่องการมีลูก ทำให้ญี่ปุ่นประสบปัญหาอย่างหนักในการทำให้จำนวนเด็กแรกเกิดไม่ลดน้อยลงไปกว่าเดิม
นายกรัฐมนตรีซานาเอะกล่าวในระหว่างการประชุมร่วมกับ สำนักงานยุทธศาสตร์ประชากร ที่ตั้งขึ้นใหม่เพื่อผลักดันมาตรการต่างๆ เธอกล่าวว่า ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น คือ ภาวะประชากรที่ลดลง
“มาตรการเหล่านี้ รวมถึงการคงไว้ซึ่งบริการประกันสังคมพื้นฐานในท้องถิ่น การเดินหน้ามาตรการแก้ปัญหาอัตราเกิดต่ำ การสร้างสภาพแวดล้อมในการอยู่อาศัยในชนบทที่ทำให้ประชาชน โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวและผู้หญิงสามารถใช้ชีวิตและทำงานได้อย่างมั่นใจ การสร้างเศรษฐกิจใหม่ในส่วนภูมิภาคที่สร้างมูลค่าเพิ่ม และการส่งเสริมการอยู่ร่วมกันกับแรงงานต่างชาติ” นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นกล่าว
สำหรับชุดมาตรการต่างๆ ที่คณะรัฐมนตรีจะนำไปดำเนินการ ได้แก่ การสนับสนุนการเลี้ยงดูบุตรและมาตรการอื่น ๆ เพื่อรับมือภาวะประชากรลดลง รวมถึงการจัดทำยุทธศาสตร์แบบองค์รวม สำหรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นในพื้นที่ที่กำลังเผชิญภาวะประชากรหดตัว และผลักดันการปฏิรูประบบประกันสังคม รวมถึงให้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี และจัดทำกรอบที่เหมาะสมสำหรับการวิจัยและการพัฒนานโยบายเกี่ยวกับการรับแรงงานต่างชาติ
ขณะที่ ทาคุมิ ฟูจินามิ นักวิจัยอาวุโสแห่งสถาบันวิจัยญี่ปุ่น กล่าวว่า สาเหตุหลักของอัตราการเกิดที่ลดลง เกิดจากจำนวนประชากรวัยหนุ่มสาวที่หดตัวลง และจะไม่เห็นการฟื้นตัวครั้งใหญ่ในเร็วๆ นี้
ญี่ปุ่นได้ทุ่มทรัพยากรจำนวนมากในการกระตุ้นการมีบุตร ตั้งแต่เงินอุดหนุนต่อเด็ก การช่วยค่ารักษาภาวะมีบุตรยาก ไปจนถึงสิทธิลาคลอดและเลี้ยงเด็กที่ยืดหยุ่นมาก ในปีงบประมาณ 2026 งบประมาณสนับสนุนเด็กและครอบครัวมูลค่า 3.6 ล้านล้านเยน หรือราว 74.6 หมื่นล้านบาทจะเริ่มมีผลบังคับใช้ ซึ่งต้องติดตามต่อไปว่า จะช่วยสร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญต่อวิกฤตประชากรของญี่ปุ่นหรือไม่
ที่มา
Japan Says Population Crisis Is ‘Biggest Problem’