ในปีหน้า ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดงานใหญ่ระดับโลกทางด้านสุขภาพ Global Wellness Summit 2026 ที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญของไทยในการต้อนรับผู้คนจากทั่วโลก และเป็นอีเวนท์สำคัญที่จะทำให้โลกรู้จักศักยภาพด้าน wellness ของไทยมากขึ้น
ในงานเสวนาเรื่อง Thailand Wellness Tourism: From Longevity Economy to Lifestyle for All ที่จัดขึ้นโดย บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อวันที่ 9 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่โรงแรมสุโขทัย กรุงเทพฯ ได้นำเรื่องราวเกี่ยวกับศักยภาพและโอกาสของประเทศไทย ในการสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ wellness และการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ Wellness Tourism มาร่วมสนทนา โดยมีวิทยากรจากภาคธุรกิจท่องเที่ยว สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, ชีวาศรม, ปัญญ์ปุริ, Thailand Gastronomy และโรงแรมสุโขทัย
กรด โรจนเสถียร ประธานกรรมการ ชีวาศรม อินเตอร์เนชั่นแนล เฮลท์ รีสอร์ท หนึ่งในวิทยากรเล่าว่า ชีวาศรม เกิดขึ้นแห่งแรกที่ อ.หัวหิน เมื่อ 30 ปีที่แล้ว โดยเล็งเห็นถึงความสำคัญที่มากกว่าการเป็นสถานที่พักตากอากาศ แต่ต้องการให้เป็นพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการใช้ชีวิตตามวิสัยทัศน์ของคุณบุญชู โรจนเสถียร ผู้ก่อตั้ง ที่มองการณ์ไกลว่า ในอนาคตคนจะให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพของตัวเองมากขึ้น
ปัจจุบันลูกค้าชีวาศรมร้อยละ 80 เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ และร้อยละ 20 เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย ซึ่งเพิ่มขึ้นจากก่อนโควิดที่เคยมีไม่ถึงร้อยละ 2 โดยกลุ่มหลักคือคนเจน X รองลงมาคือ เจน Y ที่นิยมท่องเที่ยวควบคู่สุขภาพแบบองค์รวม มียอดใช้จ่ายเฉลี่ย 60,000–100,000 บาทต่อคนต่อทริป และมีแนวโน้มพักระยะยาวมากขึ้น ตั้งแต่ 7 คืนจนถึง 3 เดือน ลูกค้าบางรายมาพักอยู่นานถึง 6 เดือน

กรด โรจนเสถียร ประธานกรรมการ ชีวาศรม อินเตอร์เนชั่นแนล เฮลท์ รีสอร์ท (ภาพจาก KTC)
กรดอธิบายว่า ตลาดของ wellness tourism แบ่งออกเป็น กลุ่มคนที่เดินทางเพื่อสุขภาพโดยตรง (Primary Wellness Tourism) คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 15 ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่ต้องการมีสุขภาพที่ดีไปตลอดชั่วอายุขัย และมียอดการใช้จ่ายสูง ขณะที่อีกร้อยละ 85 เป็น กลุ่มนักท่องเที่ยวทั่วไปที่ใช้จ่ายด้านสุขภาพเสริม (Secondary Wellness Tourism) แต่ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจเรื่อง wellness มากนัก
กรดเล่าวว่า สัดส่วนของนักท่องเที่ยวไทยที่มาพักที่ชีวาศรม เป็นกลุ่มคนที่อายุน้อยลง เป็นโอกาสใหม่ที่เปิดกว้าง และเป็นโอกาสทางธุรกิจของการท่องเที่ยว เขาบอกว่า การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ หรือ wellness tourism จะสามารถช่วยผลักดันการท่องเที่ยวในประเทศให้เติบโตได้
กรดบอกว่า ประเทศไทยมีภูมิปัญญาดั้งเดิมที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งสามารถแทรกตัวเข้าไปในกลุ่มคนร้อยละ 85 ได้ทั้งในเรื่องอาหาร กลิ่นที่ช่วยเรื่องคุณภาพชีวิต และอื่นๆ เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ถ้าแต่ละจังหวัดสามารถทำได้ จะช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้ประเทศไทยได้มาก
กรดบอกว่า เรื่องอาหารการกินนั้นมีความสำคัญที่จะช่วยให้สุขภาพดี รองลงมาจากการออกกำลังกาย เขาบอกว่าที่ ชีวาศรม มีการสร้างบรรยากาศแบบองค์รวม ที่มี “สมดุล” ทั้งด้านจิตวิญญาณและอารมณ์ ซึ่งจะช่วยให้แขกที่มาพักสามารถโฟกัสกับจุดหมายของชีวิตในอนาคตได้
กรดบอกว่า ความสำเร็จของ การท่องเที่ยว คือ ความสามารถในการส่งมอบ “ความเป็นไทย” หรือ Thainess ให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งทุกจังหวัดของไทยสามารถทำได้หมดในการทำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางของ wellness tourism
ส่วนชีวาศรม ต้องการให้เริ่มต้นจากการที่คนไทยมีสุขภาพที่ดี มีความรู้ความเข้าใจเรื่องสุขภาพที่มากขึ้น และอยากให้คนไทยในพื้นที่ต่างๆ มีคุณภาพชีวิตที่ดี เช่น มีสวนสาธารณะสำหรับออกกำลังกาย ให้กับทั้งคนในพื้นที่และผู้ที่มาเยือน
กรดบอกว่า wellness ไม่ใช่แค่การเป็นจุดหมายปลายทาง แต่ในระหว่างเส้นทาง จุดต่างๆ ล้วนมีความสำคัญไม่แพ้กัน

ภูมิกิตติ์ รักแต่งาม รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) (ภาพจาก KTC)
ภูมิกิตติ์ รักแต่งาม รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) หนึ่งในผู้ร่วมเสวนาบอกว่า wellness ไม่ใช่เรื่องของ luxury หรือความหรูหราราคาแพง แต่เป็นเรื่องไลฟ์สไตล์ที่ดีต่อสุขภาพ จึงไม่จำเป็นต้องกินอาหารราคาแพง เพียงแต่ต้องการ “วินัย” ในการกิน การออกกำลังกาย การนอน การบริหารอารมณ์และความเครียด ซึ่งวินัยจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง
ภูมิกิตติ์บอกว่า ประเทศไทยมีความได้เปรียบในเรื่องของการบริการที่ดีในราคาถูก แต่โจทย์คือ จะทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวมาพักที่ไทยยาวนานขึ้น และจะทำให้การท่องเที่ยวเข้ามาอยู่ใน wellness ได้อย่างไร
ภูมิกิตติ์บอกว่า Wellness tourism มีขอบเขตที่กว้างมาก โดยวัดจาก 2 เรื่องคือ ความตั้งใจที่จะเดินทางมาเพื่อวัตถุประสงค์ด้าน wellness (Primary wellness Traveller) กับการเดินทางมาเพื่อการบำบัด (Treatment Wellness)
ปัจจุบัน คนให้ความสนใจเรื่องของ Longevity หรือการมีอายุยืนยาวโดยที่ยังคงคุณภาพชีวิตที่ดีไปตลอดอายุขัย ซึ่งถ้าเลือกได้ใครๆ ก็อยากมีสุขภาพแข็งแรงไปจนกระทั่งวินาทีที่เสียชีวิต แต่ปัจจุบันช่องว่าง ระหว่างอายุขัย (lifespan) กับ ช่วงเวลาที่สุขภาพดี (healthsapn) มีความแตกต่างกันถึง 10 ปี ภูมิกิตติ์บอกว่า จะทำอย่างไรที่จะใช้ wellness ในการลดช่องว่างนี้ลง ซึ่งนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์ มีอาหารเสริม หือวิตามินต่างๆ ที่จะมาช่วยตรงนี้ได้
ภูมิกิตติ์บอกว่า ในการประชุม Phuket Foresight 2030 เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา มีการประกาศเป้าหมายว่า จะทำให้ภูเก็ตเป็น Longevity island โดยจะให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพของคนบนเกาะ รวมถึงการดูแลสุขภาพจิต การลดจำนวนผู้ป่วย และหากทำให้คนภูเก็ตอายุยืน เชื่อว่าจะสามารถดึงดูดความสนใจให้คนมาเยี่ยมชมได้มากขึ้น
นอกจากนี้ ยังจะทำให้ภูเก็ตเป็น Blue island initiative โดยเริ่มจากการเปลี่ยนความคิดของคนภูเก็ตในการดูแลสุขภาพในเรื่องของ healthspan และ lifespan
ภูมิกิตติ์สรุปในตอนท้ายว่า Sleep is the Best medicine การนอนหลับที่ดีคือยารักษาโรคที่ดีที่สุด ส่วนเรื่องการกินสามารถกินอาหารอร่อยได้ แต่ต้องอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากเกินไปจนส่งผลเสียต่อสุขภาพ

ปราโมทย์ เดชะบุญศิริพานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปุริ จำกัด (ภาพจาก KTC)
ทางด้าน ปราโมทย์ เดชะบุญศิริพานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปุริ จำกัด เล่าว่า ปัญญ์ปุริ ตั้งขึ้นเมื่อ 23 ปีที่แล้ว และตั้งใจที่จะเป็นแบรนด์ไทยที่เป็น Global luxury brand
เขาบอกว่า “กลิ่น” นั้นมีความสำคัญมาก ซึ่งสามารถสร้างการรับรู้และการจดจำในสมองของเรา ส่งผลต่อสภาพจิตใจ และมีส่วนต่อการทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี
ปราโมทย์บอกว่า Sense wellness จะมีความสำคัญมากขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะประเทศไทยมีความโดดเด่นเรื่องกลิ่นของสมุนไพรแบบเอเชีย เช่น กลิ่นกะเพราช่วยเรื่องการนอนหลับ เขาบอกว่า อยากให้ ปัญญ์ปุริ เป็นตัวแบบที่พาแบรนด์ของไทยออกสู่โลก และนำภาษาสากลมาผสานกับภาษาไทย เพื่อช่วยนำธุรกิจไทยไปสู่ตลาดโลก

ริชาร์ด ดอยท์ล ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมสุโขทัย (ภาพจาก KTC)
ริชาร์ด ดอยท์ล ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมสุโขทัย หนึ่งในวิทยากรเล่าว่า ปัจจุบันโรงแรมสุโขทัยมีอายุ 40 ปีแล้ว ตั้งแต่แรกก่อตั้ง ก็มีการสร้าง “สปา” รวมทั้งมีบรรยากาศที่สงบ สวยงาม มีบริการที่โดดเด่น ทำให้นอกจากการเป็นโรงแรมแล้ว ยังมอบความรู้สึกต่อผู้ที่มาพักถึงบรรยากาศของ wellness ด้วย
ริชาร์ดบอกว่า สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ของโรงแรมจัดขึ้นเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ที่มาพัก โดยเป้าหมาย ต้องการสร้างแรงบันดาลใจให้คนที่มาพักตระหนักว่า wellness มีความหมายกว้างกว่าเรื่องการมาทำสปา แต่เป็นเรื่องของไลฟ์สไตล์ และต้องการให้โรงแรมสุโขทัย เป็นตัวอย่างและแรงบันดาลใจให้กับคนที่สนใจเรื่องการดูแลสุขภาพ และการใช้ชีวิตที่ดีตลอดชั่วอายุขัย
ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมสุโขทัยบอกว่า ทางโรงแรมมีความรับผิดชอบในการนำเสนอไลฟ์สไตล์ที่ดีต่อสุขภาพของทุกคน และโน้มน้าวให้คนร้อยละ 85 หันมาใส่ใจเรื่องของ wellness ด้วยการแสดงให้เห็นตัวอย่างของการรับผิดชอบดูแลสุขภาพตัวเอง และการใช้ชีวิตในแบบ wellness

ผศ.ดร.จุฑามาศ วิศาลสิงห์ ประธานเครือข่าย Thailand Gastronomy Network (ภาพจาก KTC)
ขณะที่ ผศ.ดร.จุฑามาศ วิศาลสิงห์ ประธานเครือข่าย Thailand Gastronomy Network ให้ภาพว่า อุตสาหกรรม wellness tourism จะเติบโตเป็น 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 51 ล้านล้านบาท ภายในปี 2027 ซึ่งเติบโตเร็วกว่าการท่องเที่ยวทั่วไปเกือบ 2 เท่า นักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพใช้จ่ายเฉลี่ยต่อทริปประมาณ 1,886 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 68,000 บาท สูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไปถึงร้อยละ 56 ขณะเดียวกันประเทศไทยยังครองอันดับ 1 ด้านการเติบโตของตลาดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ระหว่างปี 2022 – 2023 จากบรรดา 25 ตลาดสุขภาพชั้นนำของโลก
ขณะที่ Thailand Gastronomy Network เอง มีเป้าหมายในการขับเคลื่อนเพื่อให้เกิด “ความยั่งยืน” ผ่านเรื่องอาหาร ซึ่ง ผศ.ดร.จุฑามาศ บอกว่า อาหารมีความสำคัญ ตามคำกล่าวว่า “อาหารเป็นยา” และการกินที่ไม่ดีจะส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว
ส่วนประเด็นเกี่ยวกับ wellness tourism ผศ.ดร.จุฑามาศบอกว่า ปัจจุบันไม่ได้จำกัดเฉพาะแค่กลุ่มผู้สูงอายุ แต่เป็นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพสำหรับคนทุกช่วงวัย
ผศ.ดร.จุฑามาศบอกว่า Food Literacy มีความสำคัญและเป็นรากฐานสำคัญของ wellness tourism ซึ่งการรู้เท่าทันในอาหารที่กิน เกิดจากความเข้าใจในอาหารและสิ่งที่กิน
ผศ.ดร.จุฑามาศ บอกว่า เศรษฐกิจของWellness ในเรื่องอาหารเกี่ยวข้องกับ 5 เรื่อง คือ
EAT TO SLEEP BETTER – การกินอาหารที่ช่วยให้นอนหลับได้ดี การกินสมุนไพรและอาหารรสอ่อน ช่วยให้ผ่อนคลายและเพิ่มคุณภาพการนอน
EAT TO STAY YOUNGER – การกินอาหารที่ช่วยให้อ่อนเยาว์ การกินอาหารที่อุดมด้วยสารแอนติออกซิแดนท์ จะช่วยชะลอวัยและช่วยบำรุงผิวหนัง
EAT TO BOOST THE BRAIN – การกินอาหารที่ช่วยบำรุงสมอง การกินอาหารที่มีรสเผ็ด เช่น พริก ข่า ตะไคร้ ช่วยเพิ่มการจดจ่อและยกระดับพลังงานสมอง
EAT TO MOVE FREELY – การกินอาหารที่สมดุล และไม่หนักเกินไป เช่น ส้มตำ ต้มยำ ช่วยเรื่องกำลังวังชา และการเคลื่อนไหวที่ดีของร่างกาย
EAT TO HEAL THE GUT – การกินอาหารที่มีโปรไบโอติก เพื่อช่วยเรื่องการย่อยและการขับถ่ายที่ดี รวมถึงช่วยเรื่องระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย
ผศ.ดร.จุฑามาศบอกว่า ทั้งหมดนี้ สามารถเปลี่ยนให้เป็น wellness tourism ได้
ทางด้าน วริษฐา พัฒนรัชต์ ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิตเคทีซี บอกว่า ลูกค้าของเคทีซีใช้จ่ายไปกับเรื่องอาหารการกิน มาเป็นอันดับ 1 รองลงมา คือ เรื่องการท่องเที่ยว ซึ่งอายุของลูกค้าเคทีซีที่ใช้จ่ายเงินไปกับโรงแรมที่พักที่เพื่อ wellness อยู่ในช่วงอายุ 45-50 ปี ขณะเดียวกันก็มีลูกค้ากลุ่มใหม่ที่อายุน้อยลง อยู่ที่ช่วง 30 ปี ซึ่งเริ่มให้ความสำคัญกับการใช้จ่ายในเรื่องของ wellness คิดเป็นสัดส่วนราวร้อยละ 20 ของลูกค้าเคทีซี
วริษฐาบอกว่า เคทีซี พยายามเชื่อมต่อลูกค้าชาวไทยเข้ากับพาร์ทเนอร์ของเคทีซี ในการทำให้ธุรกิจไทยเติบโต ปัจจุบันยังมีคนไทยจำนวนมากที่ไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับ wellness ซึ่งเป็นสิ่งที่เคทีซีพยายามทำให้ลูกค้าที่มีอยู่ราว 3 ล้านคนรู้จัก wellness มากขึ้น ในธุรกิจและบริการต่างๆ เช่น โรงพยาบาล ร้านค้า ร้านอาหารสุขภาพ สปา รีสอร์ทด้านสุขภาพ