Skip to main content

 

บนพื้นที่ซึ่งแวดล้อมด้วยป่าธรรมชาติบนเนินเขาในเขตมินาโตะมิไร เมืองโยโกฮามา ห่างจากย่านชินจูกุในโตเกียวเพียง 40 นาที เป็นที่ตั้งของสถานที่ฝังศพแบบใหม่ซึ่งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติและสวนซากุระที่สวยงาม

สุสานนี้ ดำเนินการโดย “เอนดิ้งเซ็นเตอร์” องค์กรที่พัฒนาต่อเนื่องมาจากกลุ่มความคิดเรื่องการดูแลกันและกันตลอดกระบวนการตายและหลังจากนั้น ที่เริ่มต้นในปี 1990 โดย อิโนอูเอะ ฮารูโยะ ต่อมากลุ่มของเธอเปลี่ยนชื่อเป็น “เอ็นดิ้งเซ็นเตอร์” ในปี 2000 และกลายมาเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง โดยชื่อของ เอ็นดิ้งเซ็นเตอร์ มักจะอยู่ในบันทึกการสั่งเสียของผู้ตายเกี่ยวกับเรื่องการจัดงานศพอยู่เสมอ

นับจากต้นทศวรรษที่ 1970 เริ่มมีความกังวลขึ้นในประเทศญี่ปุ่นถึงการขาดแคลนพื้นที่สำหรับฝังศพในเขตเมือง ซึ่งมีการเสนอทางออกที่หลากหลาย ตั้งแต่การสร้างสุสานที่เมืองตากอากาศที่ครอบครัวจะสามารถไปพักผ่อนร่วมกันพร้อมกับทำพิธีรำลึกถึงคนตายตามประเพณีได้ หรือบริการเช่ารถบัสพาไปยังสถานที่ฝังศพของคนรักที่อยู่ในชนบท

ในปี 1999 วัดโชนจิ ซึ่งตั้งอยู่ที่ภาคเหนือของญี่ปุ่น นำเสนอทางออกใหม่ด้วยการ “ฝังร่างใต้ต้นไม้” หรือ “tree burial” ซึ่งวิธีนี้ครอบครัวสามารถนำอัฐิของสมาชิกครอบครัวมาฝังไว้ และปลูกต้นไม้บนเถ้ากระดูกเพื่อเป็นเครื่องหมายให้ครอบครัวรู้ถึงจุดที่อัฐิถูกนำมาฝัง

“เราเฝ้าถามตัวเองว่า ต้นไม้อะไรจึงจะดีที่สุด และสำหรับชาวญี่ปุ่น คำตอบที่หนึ่งในใจก็คือ ต้นซากุระ ลองคิดว่า เมื่อตายไปแล้วคุณจะได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของต้นซากุระที่นี่ มันทำให้ความตายดูน่ากลัวน้อยลง ในแต่ละปีพอถึงฤดูใบไม้ผลิ และเมื่อดอกซากุระบาน คุณก็จะได้อยู่ท่ามกลางดอกซากุระ มันไม่สวยงามกว่าเหรอ” อิโนอูเอะ ฮารูโยะ ผู้อำนวยการเอนดิ้งเซ็นเตอร์ เจ้าของสุสานใต้ต้นซากุระในเมืองโยโกฮามา กล่าว

คุณยายซูสุกิ คาสุโนะ วัย 80 ปี เป็นหนึ่งของผู้ที่นำอัฐิของคนรักมาฝังไว้ใต้ต้นซากุระที่นี่ เธอเก็บอัฐิสามีที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งไว้ที่บ้านนานกว่า 10 ปี เพราะอยากให้สามีมีอยู่เคียงข้าง เนื่องจากตอนที่ยังมีชีวิต สามีของเธอเป็นเซลล์ต้องเดินทางไปทั่วประเทศเกือบตลอดเวลา สามีคุณยายเสียชีวิตตอนอายุ 64 ปี โดยที่ทั้งคู่ไม่ทันได้ปรึกษากันว่าจะจัดงานศพให้กันและกันอย่างไร

“ฉันคิดว่า เขาคงจะบอกว่าแล้วแต่เธอตัดสินใจ แต่หลังจากเวลาผ่านไป ฉันมั่นใจว่ามันไม่ใช่เรื่องของเราสองคน ฉันคิดไปถึงคนรุ่นต่อๆ ไป และการดูแลสถานที่ฝังศพในภายภาคหน้า และนั่นทำให้ฉันได้พบกับสุสานต้นซากุระ ตอนที่นำเขามาฝังที่นี่ ต้นไม้พวกนี้ได้แตกกิ่งก้านออกไป ตอนนี้มันโตขึ้นมาเป็นต้นไม้ที่สวยงามแล้ว” คุณยายซูสุกิกล่าว

เช่นเดียวกับ คุณยายอิซาชิ คิมิโกะ วัย 78 ปี ที่พักอยู่กับลูกสาวในโตเกียว เธอเดินทางมาที่โยโกฮามาเดือนละครั้งเพื่อมาเยี่ยมที่ฝังร่างของสามี คุณยายบอกว่า เธอไม่เคยคิดถึงเรื่องที่ฝังร่างของตัวเองอย่างจริงจัง และคิดว่าคงเป็นเรื่องที่ดีงามและสุขสบายหากได้นอนพักอย่างเป็นสุขในธรรมชาติที่สวยงามแบบนี้

“ฉันใช้เวลาทั้งวันที่นี่ ทำความสะอาดรอบๆ ที่ฝังศพ ดึงเอาวัชพืชออกไป สามีของฉันเป็นคนวาดรูปเก่ง ฉันเองก็นั่งตรงนี้วาดรูปด้วยเช่นกัน แล้วก็เอาข้าวกล่องมากินที่นี่ด้วย” คุณยายอิซาชิบอก

เอนดิ้งเซ็นเตอร์ เริ่มทำสุสานใต้ต้นซากุระต้นแรกเมื่อปี 2005 ผู้อำนวยการเอนดิ้งเซ็นเตอร์ บอกว่า เธอพบกับพิธีศพครั้งแรกตอนแม่ของเธอตาย เธอและพี่สาวซึ่งแต่งงานออกจากตระกูลแล้วเห็นว่า เมื่อหมดรุ่นของพวกเธอไปแล้ว คงจะไม่มีใครมาคอยดูแลหลุมฝังศพของตระกูลต่อ เพราะเธอและพี่สาวต่างเปลี่ยนไปใช้นามสกุลสามี เธอจึงทำเรื่องสุสานใต้ต้นซากุระ เพื่อให้ที่ฝังศพยังคงได้รับการดูแล ซึ่งอิโนอูเอะปลูกแปลงดอกไม้ไว้ให้กับหลุมฝังศพที่ญาติๆ ไม่สามารถมาเยี่ยมหรือถูกทอดทิ้ง

“การตาย ไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วขณะเดียว แต่มันเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่อง ฉันเชื่อว่าเราควรจะมองการตายในแบบกระบวนการ จากการเตรียมตัวสู่จุดจบของชีวิตไปจนถึงการดูแลหลังการตาย” อิโนอูเอะ กล่าว

ทุกปี เอ็นดิ้งเซ็นเตอร์ จะจัดงานประจำปีในช่วงฤดูใบไม้ผลิระหว่างที่ดอกซากุระบานโดยใช้แนวคิดว่า “การสนทนาของชีวิตและความตายใต้ต้นซากุระบาน”

เซบาสเตียน โบเรต นักวิชาการเขียนไว้ในหนังสือของเขาเมื่อปี 2016 ระบุว่า การฝังร่างใต้ต้นไม้ สะท้อนการเปลี่ยนผ่านครั้งใหญ่ในสังคมญี่ปุ่น เมื่ออิทธิพลของพุทธศาสนาต่อสังคมญี่ปุ่นได้เสื่อมคลายลงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และเกิดมีศาสนาใหม่ขึ้นเป็นจำนวนมาก ผนวกกับการขยายตัวของความเป็นเมืองที่ค่อยๆ ทำให้ความผูกพันตามแบบประเพณีดั้งเดิมระหว่างครอบครัวกับวัด ซึ่งเป็นสถานที่ฝังศพของบรรพบรุษเริ่มเสื่อมคลายลง

นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายของการฝังศพใต้ต้นไม้ ยังถูกกว่าพิธีศพแบบธรรมเนียมดั้งเดิม ซึ่งส่งผลสำคัญต่อการตัดสินใจของชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก สอดคล้องกับอัตราการเกิดของญี่ปุ่นที่ต่ำที่สุดอันดับต้นๆ ของโลก ทำให้ลูกๆ ไม่มีพี่น้องคอยช่วยเหลือเรื่องการดูแลและการเสียชีวิตของพ่อแม่หรือปู่ย่าตายาย

เอ็นดิ้งเซ็นเตอร์ ยังมีแพ็คเกจดูแลผู้สูงอายุที่อยู่ตัวคนเดียวซึ่งเข้าใกล้วาระสุดท้ายที่เรียกว่า “ซากุระแพ็คเกจ” ในการจัดการเรื่องต่างๆ เช่น กรณีของผู้สูงอายุหญิงวัย 81 ปี หลังเธอเข้ารับการรักษาฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่เอ็นดิ้งเซ็นเตอร์จะไปอยู่เคียงข้างทันทีที่ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาล และสอบถามความปรารถนาสุดท้ายจากบันทึกที่ทำไว้กับเอ็นดิ้งเซ็นเตอร์ก่อนหน้านี้ 10 ปี และดำเนินการตามต้องการของผู้เสียชีวิต

“20 ปีก่อน คนส่วนใหญ่ไม่เคยได้ยินคำว่า หลุมศพใต้ต้นไม้ มาตอนนี้เกือบครึ่งหนึ่งของคนที่ซื้อที่หลุมฝังศพต่างเลือกรูปแบบนี้ และจำนวนของคนที่ใกล้ชิดในครอบครัวแบบดั้งเดิมต่างเปลี่ยนมาเป็นสุสานใต้ต้นไม้แทน” อิโนอูเอะ กล่าว


อ้างอิง
Burial Under the Cherry Trees: A New Approach to Death for an Aging Society
‘Tree Burials’ Are Gaining Popularity in Japan as Gravesite Space Decreases