สิงคโปร์ เป็นประเทศที่เศรษฐกิจก้าวหน้ามาก ทำให้ประชากรมีลูกน้อยลงอย่างเด่นชัด ซึ่งก็ไม่แปลกที่ประเทศซึ่งก้าวหน้าระดับนี้จะเดินเข้าสู่ภาวะ “สังคมผู้สูงอายุ” เช่นดียวกับประเทศอื่นๆ
ว่ากันตรงๆ สิงคโปร์ ยังมีข้อได้เปรียบ เพราะมีโครงสร้างประชากรสูงอายุต่ำกว่าประเทศอื่น หรือมีคนอายุเกิน 65 ปีราวๆ 15% หรือพอๆ กับไทยเท่านั้น ซึ่งต่างจากพวกยุโรปตะวันตกหรือเกาหลีใต้ ที่ประชากรกลุ่มนี้เป็นสัดส่วนถึง 20% (ไม่ต้องพูดถึง "แชมป์โลก" อย่างญี่ปุ่นที่ปัจจุบันประชากรกลุ่มนี้น่าจะถึง 30% แล้ว) แต่นั่นก็หมายความว่า สถานการณ์สิงคโปร์เริ่มไม่ดีแล้ว ประชากรสูงอายุเริ่มมีจำนวนมาก ซึ่งแม้แต่ "รัฐสวัสดิการแบบตะวันออก" แบบสิงคโปร์ก็คิดว่า นั่นเป็นภาระทางการคลังแน่ๆ และเริ่มมีแนวในการจัดการ
จริงๆ การจ้างงานพยาบาลและผู้ดูแลน่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับประเทศขนาดเล็ก ที่มักจะยินดีให้เงินเดือนคนทำงานจากต่างประเทศสูงอย่างสิงคโปร์ แต่ปัญหาก็คือ โดยทั่วไปเงินเดือนพยาบาลและผู้ดูแลในสิงคโปร์ต่ำมาก ถ้าเทียบกับประเทศที่รายได้ต่อหัวระดับเดียวกัน ค่าแรงพยาบาลของสิงคโปร์ต่ำยิ่งกว่าเกาหลีใต้ที่ถือว่าต่ำแล้ว และต่ำกว่าฮ่องกงประมาณครึ่งหนึ่ง โดยถ้าเทียบกันแล้ว เงินเดือนของผู้ดูแลในสิงคโปร์นั้นต่ำกว่าคนทำความสะอาดซะอีก และนั่นเป็นเหตุผลให้คนไม่ค่อยอยากไปทำงานนี้ในสิงคโปร์
ถ้าใช้ตรรกะปกติ การขึ้นเงินเดือนพยาบาลและคนดูแลก็น่าจะจบ เพราะคนไม่น่าจะเกี่ยงที่จะมาทำงานที่สิงคโปร์อยู่แล้ว แต่สิ่งที่รัฐบาลสิงคโปร์ทำกลับไม่เป็นแบบนั้น และกลับไปใช้แนวทางคล้ายญี่ปุ่น คือการใช้เทคโนโลยีแก้ปัญหา หรือใช้หุ่นยนต์และ AI ในการช่วยดูแลคนแก่แทนจะปรับนโยบายแรงงาน
คำถาม คือ แล้วหุ่นยนต์และ AI มีส่วนในการช่วยคนแก่อย่างไรได้บ้าง?
ปัจจุบัน ในสิงคโปร์ มีการใช้หุ่นยนต์ในบ้านพักคนชราอยู่แล้ว โดยหุ่นยนต์พวกนี้ก็จะมีหน้าที่ในการนำออกกำลังกาย รวมถึงการมีปฏิสัมพันธ์กับคนแก่ ซึ่งหลายคนอาจมองว่านี่เป็นอะไรที่ฟังดู Dystopian มาก แต่จริงๆ คนแก่ในสิงคโปร์ก็ชื่นชอบบทบาทเหล่านี้ของหุ่นยนต์
แต่มันแค่นั้นเหรอ? คำตอบคือ ไม่ใช่ AI มีบทบาทมากกว่านั้นเยอะ
ในความเป็นจริง สิ่งที่ต้องมีค่าใช้จ่ายมหาศาลสำหรับคนแก่ คือ พวกต้นทุนการวินิจฉัยโรค เพราะคนแก่ต้องตรวจสุขภาพบ่อยเผื่อจะพบโรคต่างๆ ซึ่งในประเทศที่ค่าแรงสูง ต้นทุนพวกนี้มหาศาลมาก และสิงคโปร์ก็มีแผนจะลดต้นทุนตรงนี้โดยการพัฒนา AI จำพวกวินิจฉัยโรคออกมา
แล้ว AI พวกนี้เช่นอะไร? ที่เริ่มใช้แล้วก็เป็น AI ตรวจจับการเคลื่อนไหวที่สามารถแจ้งได้ว่าคนแก่นั้น "ล้ม" หรือไม่ ส่วนที่ทำการพัฒนาอยู่ก็เช่น AI ในการวิเคราะห์เสียงคนแก่เพื่อวินิจฉัยโรคต่างๆ ซึ่งก็เรียกได้ว่าเป็นเทคนิคที่ใหม่มาก และที่เค้าทำอยู่คือ AI วิเคราะห์เสียงเพื่อวินิจฉัยอาการซึมเศร้า โดยเฉพาะอาการซึมเศร้าแอบแฝงที่ไม่ออกอาการ
ถ้าจะบอกว่ารัฐบาลสิงคโปร์ห่วงสุขภาพจิตประชาชนก็ใช่ แต่อีกด้านก็คือ รัฐบาลสิงคโปร์น่าจะมีแผน "แปรรูปข้อมูล" ของคนแก่ต่างๆ เพื่อทำระบบ AI ขายระดับนานาชาติ ซึ่งนี่เป็นการตอบโจทย์สองเทรนด์ทางเศรษฐกิจใหม่ที่มาอย่างแน่นอนในรอบ 10 ปีนี้ อย่างภาวะสังคมผู้สูงอายุ และ AI
พูดง่ายๆ ตอนนี้รัฐบาลสิงคโปร์กำลังแปลงคนแก่ให้กลายเป็นแหล่งข้อมูลให้ AI นั่นเอง และมันก็จะทำได้อย่างราบรื่น เพราะนี่เป็นไอเดียของรัฐเองที่จะสนับสนุน ซึ่งต่างจากสถานการณ์แบบในยุโรปและอเมริกาที่พัฒนาการ AI แบบเดียวกันเป็นไปได้ยาก เพราะมีกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เข้มงวด
ตรงนี้หลายคนอาจงง แต่จริงๆ แล้วในทางเทคโนโลยีความเป็นส่วนตัว สิงคโปร์คือสถานการณ์น้องๆ จีน มีการติดกล้อง CCTV เต็มบ้านเต็มเมือง สอดส่องและเก็บข้อมูลกันอย่างสนุนสนาน ทั้งหมดทำภายใต้แนวคิด Smart Nation ซึ่งถ้ามองแบบเป็นธรรม นี่คือคำที่ระรื่นหูว่า Surveillance State เท่านั้นเอง ดังนั้น ก็ไม่แปลกที่สิงคโปร์จะเก็บข้อมูลคนแก่มาพัฒนา AI ได้อย่างสนุกสนาน
ทั้งหมด ฟังดูในมุมเศรษฐกิจก็น่าจะปราดเปรื่องและเหนือชั้นมาก คือ จับกระแสธุรกิจใหญ่ของโลกไปพร้อมๆ กับแก้ปัญหาสังคมผู้สูงอายุของตัวเองไปพร้อมกัน แต่อีกด้าน ถ้ามองแบบง่ายๆ ดิบๆ ก็คือ เรื่องทั้งหมดเกิดจากสิงคโปร์ที่มีเงินมหาศาล แต่ไม่ยอมขึ้นค่าแรงให้กับคนทำงานด้านการพยาบาลและไม่นำเข้าแรงงานเพิ่ม จนทำให้พยาบาลขาดแคลน และจำเป็นต้องใช้ AI มาแทนที่ในที่สุด
แต่ก็นั่นเอง ดังที่บอกมาตอนแรกสุด สิงคโปร์ถือว่าเป็นสังคมผู้สูงอายุแบบอ่อนๆ สัดส่วนประชากรสูงอายุเริ่มเยอะ แต่ก็ยังเป็นสัดส่วนที่น้อยกว่าญี่ปุ่นเกินครึ่ง ดังนั้น สิงคโปร์ก็มีเวลาค่อยๆ ปรับตัวไปยาวๆ ว่าจะ "จัดการ" กับทั้งคนแก่และหน้าตาของเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปอย่างไร และจริงๆ การจับเอาคนแก่มาเป็นผู้ป้อนข้อมูลให้ AI ไปๆ มาๆ มันก็อาจเป็นสิ่งที่สมเหตุสมผลในเชิงระบบเศรษฐกิจแล้วก็ได้
อ้างอิง
Singapore is turning to AI to care for its rapidly aging population
Care workers earn less than overseas peers
Singapore’s tech-utopia dream is turning into a surveillance state nightmare
List of countries by age structure