ในภาวะที่คนรุ่นใหม่ในจีนกำลังเผชิญปัญหาการว่างงานอย่างหนัก มีอาชีพใหม่ที่หนุ่มๆ ชาวจีนสนใจมาทำกันมาก นั่นคือ การเป็น “บัดดี้ปีนเขา” หรือการเป็นผู้ช่วยของหญิงสาวต้องเดินขึ้นยอดเขาคนเดียวโดยที่ไม่มีเพื่อนมาร่วมด้วย ซึ่งทำรายได้สูงกว่าเงินเดือนเฉลี่ยของพนักงานบริษัททั่วไปถึง 2 เท่า
คนที่รับจ้างเป็น “บัดดี้ปีนเขา” หรือเพื่อนเดินขึ้นเขา ส่วนใหญ่เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย หรือทหารที่ปลดประจำการแล้ว โดยจะลงโฆษณาตัวเองในโซเชียลมีเดียจีน อย่าง Xiaohongshu และ TikTok ลงรายละเอียดส่วนสูง ระดับความฟิตของร่างกาย และประสบการณ์การปีนเขา โดยทั่วจะตั้งราคาที่ 200 ถึง 600 หยวน หรือราว 940 ถึง 2,800 บาท ต่อการเป็นเพื่อนเดินขึ้นเขาหนึ่งทริป
ระหว่างที่เดินขึ้นเขา บัดดี้ทำทุกอย่างเพื่อเบนความสนใจของลูกค้าจากความรู้สึกเหนื่อย และจะคอยกระตุ้นให้เดินหน้าต่อไป จะมีตั้งแต่การร้องเพลง เล่นมุกตลก เล่นดนตรี พูดให้กำลังใจ ไปจนถึงช่วยแบกเป้ จูงมือ หรือช่วยดันหลัง
เวนดี้ เฉิน หนึ่งในผู้ที่ใช้บริการบัดดี้ปีนเขา เธอตัดสินใจที่จะขึ้นยอดเขา “ไท่ซาน” ซึ่งเป็นภูเขาที่มีชื่อเสียงทางตะวันออกของจีน เพราะไม่มีเพื่อนคนไหนยอมเดินขึ้นเขากับเธอ ซึ่งต้องใช้เวลาเดินถึง 5 ชั่วโมง
เวนดี้จ้างชายหนุ่มวัย 25 ปีที่มีประสบการณ์เดินป่า มาเป็น “บัดดี้” ในการช่วยเธอเดินขึ้นเขาไท่ซานที่มีความสูง 1,533 เมตร โดยเริ่มเดินขึ้นเขาตอน 2 ทุ่ม เพื่อที่จะไปชมพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดเขาในตอนเช้า โดยบัดดี้ช่วยแบกเป้ให้เธอไปตลอดเส้นทาง
นอกจากช่วยแบกเป้แล้ว บัดดี้ของเวนดี้ยังมีเสื้อโค้ทตัวหนาที่เช่าเอาไว้ให้กับเธอสำหรับกันลมหนาว และช่วงที่อยู่บนยอดเขา บัดดี้จะเอาธงชาติและพร็อพต่างๆ ที่เตรียมมาออกมาให้เวนดี้สำหรับการถ่ายรูปเป็นที่ระลึก โดยค่าจ้างบัดดี้ของเธอ อยู่ที่ 350 หยวน หรือราว 1,600 บาท
แม้ว่าเวนดี้จะจ่ายค่าจ้างบัดดี้ในราคาปรกติ แต่หากเป็นบัดดี้ที่หน้าตาหล่อเหลาก็สามารถเรียกค่าจ้างได้สูงกว่านี้
คริส ซาง หนึ่งในบัดดี้ปีนเขา คริสอายุ 20 ปี เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย เขาลงโฆษณาเป็นบัดดี้ปีนเขาทางออนไลน์ในช่วงหน้าร้อน ในช่วงเทศกาลวันหยุดแห่งชาติของจีน คริสสามารถทำเงินได้ถึง 20,000 หยวน หรือมากกว่า 9 หมื่นบาทภายใน 3 เดือนจากการเป็นบัดดี้ปีนเขา เมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมชั้นที่ไปฝึกงานแผนกให้บริการลูกค้าที่ได้รับค่าแรงเพียงเดือนละ 2,000 หยวน
คริสบอกว่า การเป็นบัดดี้ปีเขาไม่ใช่แค่เพียงรายได้สูง แต่ยังมีอิสระกว่า ได้อยู่กลางแจ้งแทนที่จะต้องนั่งแช่อยู่แต่หน้าจอคอมพิวเตอร์ไปตลอดทั้งวัน
ขณะที่บัดดี้ปีนเขารายอื่นๆ อย่าง เฉิน หวูตี้ บัดดี้ปีนเขาที่ป๊อปปูล่าร์วัย 27 ปี เขาเป็นอดีตพนักงานขายที่ลาออกและมายึดเอางานนี้เป็นอาชีพหลัก เฉินมีคิวลูกค้าเกือบ 40 คิว และทำเงินได้ราว 20,000 หยวนต่อเดือน ซึ่งสูงกว่ารายได้เฉลี่ยในจีนถึง 2 เท่า และธุรกิจของเขายิ่งไปได้สวยเมื่อเขาย้ายไปที่เป็นสถานที่ปีนเขาอย่างเมืองไท่อัน
“โดยปรกติ ผมเดินขึ้นเขาทุกวัน แต่มีบางวันต้องขึ้นวันละสองหรือสามรอบก็มี” เฉินบอก
เฉินมีคิวจากลูกค้าทั่วประเทศ แต่เขาจะเลือกไปขึ้นภูเขาแค่บางแห่งที่ลูกค้าออกค่าเดินทางให้เท่านั้น และถึงแม้ บัดดี้ปีนเขา จะรายได้จะดี แต่เฉินยอมรับว่า เป็นงานที่ไม่ยั่งยืน เพราะต้องใช้ร่างกายหนักมาก
“มันทำให้ผมเจ็บเข้ามากๆ เลย ผมเลยอาจจะทำต่อไปได้แค่ไม่กี่เดือนจากนี้ หรืออีกแค่ครึ่งปี” เฉินกล่าว
อย่างไรก็ดี มีความกังวลถึงความปลอดภัยของลูกค้าที่ไปกับบัดดี้ซึ่งเป็นคนแปลกหน้า เนื่องจากยังไม่มีระเบียบควบคุมและการขึ้นทะเบียนไกด์ โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่อายุน้อย หรือผู้หญิงที่มีลูกเล็กไปด้วย รวมถึงอันตรายที่อาจเกิดกับลูกค้าเนื่องจากสภาพของภูเขา และการก่ออาชญากรรม เช่น การโกงเงินลูกค้า เป็นต้น
ในขณะที่คนรุ่นใหม่ของจีนมีอัตราการว่างงานสูง และอีกจำนวนมากกำลังเผชิญกับความยากลำบากในการหางานที่มั่นคงหลังเรียนจบ พวกเขาได้หันมาเป็นบัดดี้ปีนเขา ซึ่งเป็นวิธีที่ทำเงินที่รวดเร็วในระหว่างที่หาหนทางสำหรับแผนชีวิตในระยะยาว