Skip to main content

 

งานวิจัยเผย พันธุกรรมของชาวจีนไม่เปลี่ยนแปลงเลยเป็นเวลาตลอด 3 พันปี นับตั้งแต่เริ่มต้นอารยธรรมช่วงปลายยุคหิน

นักวิจัยของจีนทำการทดสอบลำดับทางพันธุกรรมของชาวจีนในบริเวณที่ราบลุ่มภาคกลางของประเทศ ไม่พบการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในพันธุกรรมเลยนับตั้งแต่ยุคหินเป็นต้นมา

นักวิจัยเผยว่า ชาวจีนสืบเชื้อสายมาจากบรรพบุรุษที่ตั้งถิ่นฐานบริเวณพื้นที่ราบลุ่มภาคกลาง ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของอารยธรรมเก่าแก่ของจีนที่มีอายุถึง 3,000 ปี แต่สิ่งที่ทีมนักวิจัยค้นพบแสดงถึงการที่พื้นที่ส่วนใหญ่ในภาคกลางของจีน ไม่ได้รับอิทธิพลทางพันธุกรรมจากกลุ่มชนเร่ร่อน หรือจากกลุ่มคนที่อพยพมาจากทางตอนใต้ แม้ว่าจะมีสงครามและการผลัดเปลี่ยนยุคสมัยเป็นจำนวนมาก

หวัง ฉวนเชา หนึ่งในทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยเซียะเหมิน ที่ทำการศึกษาร่วมกับมหาวิทยาลัยเจิ้งโจว กล่าวว่า “ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในพันธุกรรมของชาวจีนในที่ราบภาคกลางนับตั้งแต่ปลายยุคหิน”

ที่ราบภาคกลางของจีน หรือ “จงหยวน” ล้อมรอบไปด้วยที่ราบลุ่มแม่น้ำฮวงโหหรือแม่น้ำเหลือง ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการปฏิวัติกสิกรรมที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และยังเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงยุคโบราณของราชวงศ์ต่างๆ 20 ราชวงศ์  

นักโบราณคดีและนักพันธุกรรมศาสตร์ของจีน ทำการทดสอบยีนที่มีความสมบูรณ์จาก 30 ร่างที่พบในมณฑลเหอหนาน ซึ่งมีชีวิตอยู่ในช่วงราชวงศ์โจว (1046 ถึง 771 ปีก่อนคริสตกาล) และราชวงศ์ชิง (ค.ศ.1644 ถึง 1911) โดยเปรียบเทียบยีนกับคนช่วงปลายยุคหินใหม่ ทีมวิจัยได้ทดสอบการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมของชนชั้นปกครองที่ไม่ใช่ชาวฮั่น และผลกระทบจากสงครามต่อองค์ประกอบของพันธุกรรมของคนในที่ราบภาคกลาง นักวิจัยยังพิจารณาคนเชื้อชาติอื่นๆ ที่มาจากบริเวณเอเชียกับยุโรป หรือยูเรเชีย เช่น ชนเผ่าเร่ร่อนอย่าง ซ่งหนู และเซียนเป่ย ซึ่งเคยแผ่ขยายอำนาจมาถึงภาคกลางของจีนด้วย

สมัยราชวงศ์ จีนเคยถูกปกครองโดยคนต่างชนชาติ โดยชาวมองโกลในยุคราชวงศ์หยวน (ค.ศ.1271 ถึง 1368) และยุคราชวงศ์ชิง ที่ผู้ปกครองเป็นชาวแมนจู

ส่วนหนึ่งของรายงานการวิจัยระบุว่า “จีนมีความแตกต่างจากพลวัตด้านประวัติศาสตร์ประชากรในยุโรป เราพบว่าพื้นที่ตอนกลางของแม่น้ำเหลืองมีความต่อเนื่องทางพันธุกรรมในระดับสูง โดยไม่มีความเปลี่ยนแปลงใหญ่ในหมู่ประชากรเลยนับจากช่วงปลายของยุคหินใหม่”

ขณะที่นักวิจัยพบว่า มีบางส่วนในช่วงสมัยราชวงศ์ถัง (พ.ศ.618 ถึง 907) ที่พบว่า ความเชื่อมโยงทางพันธุกรรมกับบรรพบุรุษที่มาจากทางตะวันตกของยูเรเชีย แต่เป็นสัดส่วนที่เล็กราวร้อยละ 1.5 ถึง 2.7

ศาสตราจารย์ เก่อ เจี้ยนสยง จากสถาบันภูมิศาสตร์ประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยฟู่ตั้น ในเมืองเซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า ข้อค้นพบของทีมวิจัยสอดคล้องกับข้อสรุปของเขาในเรื่องการอพยพของผู้คนในยุคจีนโบราณ

“ประชากรจีนค่อนข้างมีความเสถียรยาวนานมากว่า 3 พันปี ดูได้จากประชากรส่วนใหญ่ ทั้งในแง่ของจำนวนและประชากรต่างชนชาติ ล้วนเป็นชนกลุ่มน้อยมาตลอด ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าประชากรต่างชาติจะแต่งงานกับประชากรจีนท้องถิ่น มันเป็นไปไม่ได้เลยว่าพวกเขาจะยังคงสืบต่อพันธุกรรมของตัวเองต่อไปเป็นเวลายาวนาน” ศาสตราจารย์เจี้ยนสยงกล่าว

เหวิน เฉาชิง รองศาสตราจารย์จากสถาบันโบราณคดี มหาวิทยาลัยฟูตั้นกล่าวว่า งานวิจัยของเขาที่ศึกษาในมณฑลกานซู ซึ่งอยู่ภาคกลางตอนบนของจีนพบหลักฐานบางอย่างของบรรพบุรุษที่มีเชื้อสายชาวยุโรป

รองศาสตราจารย์เหวินกล่าวว่า มีการผสมผสานข้ามกันของชาวจีนกับชนชาติอื่นในบางพื้นที่ของจีน ซึ่งเกิดขึ้นกระจัดกระจายและในระดับครอบครัวซึ่งมีผลต่อพันธุกรรมโดยรวมทั้งหมด

รองศาสตราจารย์เหวินย้ำว่า การวิจัยเรื่องพันธุกรรมของจีนเพิ่งอยู่ในขั้นต้น เมื่อเทียบกับทางยุโรปหรืออเมริกา และยังมีข้อจำกัดในการทดสอบโดยใช้วิธีการที่มีอยู่ในปัจจุบัน

อ้างอิง
Chinese gene unchanged for 3,000 years in cradle of civilisation: study