Skip to main content

กัปปิยนารถ วรรณสิริวิไล
 

 

ไกด์พาเที่ยวสิงคโปร์วันนี้คือ ริว/ ริวจิ หรือ กันต์ จิตต์ภักดี นักศึกษาจบใหม่ ที่เริ่มทำงานได้ไม่นาน

"ริว" จบการศึกษาทางด้าน Computer Science จาก National University of Singapore (NUS) เขาเป็นอดีตประธานสมาคมนักเรียนไทยในสิงคโปร์ หรือ ATSIS (Association of Thai Student in Singapore) และจะพาทุกท่านไปสัมผัสชีวิตนักศึกษามหาวิทยาลัยในสิงคโปร์ทั้งในและนอกห้องเรียน รวมถึงเส้นทางที่นักศึกษาต่างชาติต้องเผชิญหลังจากที่ได้ใบปริญญา 

 


กันต์ จิตต์ภักดี (ริว/ ริวจิ)

 

จุดเริ่มต้นสู่เกาะสิงคโปร์

 

ก่อนโควิดจะมา “ริว” เรียนโรงเรียนนานาชาติ ควบคู่กับเรียนพิเศษหลักสูตรไทย และสอบ A-Level ของอังกฤษ (Cambridge Assessment International Examination) ได้เกรด A* ถึง 4 วิชา เขาเลือกเรียนต่อด้าน Robotics and AI Engineering ในคณะวิศวกรรมศาสตร์หลักสูตรอินเตอร์ที่ไทย แต่เรียนไปเรียนมาก็พบว่า การศึกษาไทยยังไม่ใช่คำตอบ ณ ตอนนั้น ประกอบกับ สงครามการค้า (Trade War) ระหว่างจีนและสหรัฐอันดุเดือดในปี 2019 เขาจึงเริ่มหาจุดตรงกลางระหว่าง 2 ประเทศนี้ และพบว่า “สิงคโปร์” คือสิ่งที่ตามหา

 

●    A-Level (GCE Advanced Level School Leaving Qualification from the UK) 

คือ หลักสูตรการเรียนและการสอบวัดผลมีทั้งหมด 55 วิชา เพื่อนำคะแนนสมัครเรียนมหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักร มีเกรดสูงสุดและต่ำสุดคือ A*, A, B, C, D and E  โดยปกติแล้วนั้นการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ประเทศอังกฤษจะใช้จำนวนคะแนนทั้งหมด 3 วิชา


●    มหาวิทยลัยในสิงคโปร์ใช้คะแนน A-Level (Singapore) แต่ในกรณีของริวใช้ A-Level (UK) แทนได้ นอกจากนั้นมหาวิทยาลัย NUS ยังรับผลคะแนนสอบจากหลากหลายสถาบันรวมถึงคะแนนหลักสูตรไทยด้วย

 

ริวสมัครเรียนสาขา Computer Science and Statistics (Double Major with Specialisation in AI and Database systems) ที่ NUS เพราะอยากเรียนรู้ทฤษฎีและวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็นศาสตร์ที่เขามองว่าจำเป็นอย่างมากในปัจจุบันและอนาคต ด้วยคะแนน A-Level ที่สูงลิ่ว ริวจึงได้เป็นนักศึกษาหน้าใหม่ร่วมกับอัจฉริยะทั่วทวีปเอเชีย ไม่ว่าจะจาก จีน อินเดีย เกาหลี ญี่ปุ่น สิงคโปร์

ขณะที่ก็มีนักเรียนจากไทยอยู่บ้าง ส่วนมากคือนักเรียนโครงการโอลิมปิกต่าง ๆ และนักเรียนเหรียญโอลิมปิกวิชาการนานาชาติ จาก 3 โรงเรียนดัง; มหิดลวิทยานุสรณ์, เตรียมอุดมศึกษา และกำเนิดวิทย์ มีบางส่วนมาจากโรงเรียนไทย, โรงเรียนนานาชาติ, Junior College และ Polytechnic ที่ประเทศสิงคโปร์ เป็นต้น  

นอกจากวิชาเอกที่เข้มข้นแล้ว เขายังลงเรียนวิชาการบัญชี การเงิน และอสังหาริมทรัพย์ ตลอด 4 ปีในรั้วมหาวิทยาลัยระดับโลก “ได้มาทั้งทีก็เรียนให้คุ้ม” ริวกล่าว

 

●    Junior College หรือโรงเรียนมัธยมปลาย เทียบเท่ากับมัธยมปลายสายสามัญของไทย
●    Polytechnic หรือโรงเรียนสายอาชีพ เทียบเท่ากับ ปวช. ของไทย

 

ริวบอกด้วยว่า ทางสิงคโปร์มีทุนการศึกษามากมาย เช่น MOE Tuition Grant และ ASEAN Scholarship สำหรับนักเรียนต่างชาติที่โดดเด่นอีกด้วย สะท้อนการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์ของสิงคโปร์ที่ พยายามพัฒนาคนในประเทศและคนต่างชาติที่เข้ามาเรียนและทำงาน แต่ก็พ่วงมากับข้อผูกมัดอีกมากมายที่จะกล่าวต่อไป

 

●    ASEAN Scholarship ทุนการศึกษาของรัฐบาลสิงคโปร์ที่มอบให้นักเรียนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย ลาว เมียนมาร์ เป็นต้น การที่จะได้ ASEAN Scholarship นั้นจะต้องตกลงรับ MOE Tuition Grant ด้วย


●    MOE Tuition Grant ทุนรัฐบาลสิงคโปร์ที่มอบให้แก่นักศึกษาระดับปริญญาตรี โดยมีเงื่อนไขว่า หลังจบการศึกษา ผู้รับทุนจะต้องทำงานใช้ทุนให้กับบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศสิงคโปร์เป็นระยะเวลา 3 ปี หากต้องการขอทุนนี้จะต้องมีผู้ค้ำประกัน ซึ่งสามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในกรณีที่ผู้รับทุนเลิกเรียนกลางคัน หรือไม่สามารถทำงานชดใช้ทุนได้ตามเงื่อนไข


ชีวิตเด็กหอ

ในสิงคโปร์มีมหาวิทยาลัยมากกว่า 10 แห่ง มีนักศึกษาเดินทางมาเรียนจากทั่วโลก บ้างก็พักอยู่ในหอพักของมหาวิทยาลัย บ้างก็เช่าห้องพักข้างนอกซึ่งราคาแพงกว่ามาก โดยนักศึกษา NUS ส่วนมากจะพักอยู่ในหอพักของมหาวิทยาลัย ซึ่งใช้ระบบ Hall และ House System “คล้ายๆ บ้านในแฮร์รี พอตเตอร์ครับ” ริวกล่าว บางบ้านหรือบาง hall เป็นแหล่งรวมนักกีฬา

บางบ้านก็รวมสายปาร์ตี้หรือสายกิจกรรม บางบ้านก็รวมตัวผู้รักสงบ เน้นเรียน เช่น Pioneer House บ้านที่ริวอยู่ตั้งแต่ปี 1 จนถึงปี 4 มีธีมประจำบ้านคือ Frugality & Sustainable Living ทั้งนี้ทุกบ้านนั้นมี facility ที่สะดวกสบาย สนับสนุนคุณภาพชีวิตของเหล่าอนาคตของชาติอย่างเต็มที่

 

●    House System คือ ระบบที่มีต้นกำเนิดจากโรงเรียนกินนอนในอังกฤษ มักมีโรงเรียนละ 3-4 บ้าน โดยในบ้านแต่ละหลังจะมีเด็กนักเรียนในทุกชั้นเรียนมาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันในบ้าน มีทั้งพี่ทั้งน้อง ทั้งเพื่อน กินข้าว แลกเปลี่ยนพูดคุย ดูแลกัน ได้ฝึกการทำงานกันเป็นทีมผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การแข่งกีฬา แข่งดนตรี วิชาการ ฯลฯ โดย House และ Hall ที่ NUS มีจำนวนมากกว่า 20 บ้าน ความต่างระหว่าง House กับ Hall คือ House ขนาดเล็กกว่า และมีวัฒนธรรมที่เข้มข้นน้อยกว่า Hall

 

แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้อยู่หอพักของมหาวิทยาลัยและเลือกบ้านได้ตามต้องการ บ้านต่าง ๆ ใน NUS มีระบบทำกิจกรรมสะสมแต้มเพื่อสมัครเข้าอยู่หอพักในปีถัดไป หรือรักษาที่นั่งของตัวเองไว้ บางบ้านก็มีคณะกรรมการเป็นนักศึกษาด้วยกันรีวิวการสมัครเข้าบ้าน ผู้ที่อยากอยู่บ้านนั้น ๆ จึงต้องพยายามสร้างและรักษาภาพลักษณ์และความสัมพันธ์อันดีกับผู้อื่น เพื่อที่สิ้นปีจะได้มีโอกาสอยู่ต่อ

นอกจากจะเรียนหนักแล้ว นักศึกษาหลายคนยังพยายามทำกิจกรรม ตั้งชมรม สร้างแคมเปญ เล่นดนตรี และอีกสารพัดอย่างเพื่อสะสมแต้ม ส่วนนักศึกษาต่างชาติมีสิทธิ์อยู่หอใน 2 ปีโดยไม่ต้องแข่งขันกับใคร

“ก็ช่วยได้มาก แต่หลังจากนั้นเราจะกลายเป็นพลเมืองชั้น 3 ถ้าหากเราไม่เคยคิดจะช่วยเหลืออะไรเขาเลย ดังนั้น เราเองก็ควร contribute และช่วยเหลือ hall และ house ของตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ผมมักจะบอกน้อง ๆ ปี  1 ที่พึ่งเข้ามาใหม่” ริวเล่าด้วยเสียงหัวเราะ ซึ่งริวก็รักษาห้องมาได้จนปีที่ 4 ด้วยการเข้าร่วมโครงการ ปลูกผักรณรงค์สิ่งแวดล้อม สอดรับกับธีมของบ้าน

ริวยังเผยอีกว่ามีนักเรียนไทยจำนวนมากที่เป็น “ช้างเผือก” คือ เก่งมาก ๆ แต่ที่บ้านไม่มีกำลังสนับสนุน เมื่อได้มาเรียนที่นี่ก็ต้องพยายามรักษาระดับผลการเรียน ขอทุน และทำกิจกรรมอย่างหนักหน่วง เพื่อให้ได้อยู่หอพักของมหาวิทยาลัย เนื่องจากไม่มีกำลังเช่าหอพักข้างนอก ซึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้าที่การดิ้นรน แข่งขันกันพิสูจน์ตนเองเพื่อให้เข้าถึงทรัพยากรขั้นพื้นฐานที่มีจำกัดนั้นมีอยู่ทุกที่ ยิ่งในประเทศที่ค่าครองชีพสูงอย่างสิงคโปร์ ก็ทำให้เหตุการณ์ลักษณะนี้ยิ่งน่าเศร้าเข้าไปอีก


 

 
โซนมหาวิทยาลัยและหอพักอยู่ฝั่งตะวันตกของเกาะสิงคโปร์ ค่อนข้างห่างไกลจากเมือง อย่าง NTU อยู่ติดกับป่า มักมีข่าวว่า ลิงเข้ามาในห้องพักอยู่บ่อย ๆ แต่แคมปัสก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เด็กหอที่สิงคโปร์ก็มีชีวิตปกติธรรมดาเท่าที่จะจินตนาการได้ เรียน อ่านหนังสือ ออกกำลังกาย แข่งกีฬา ปั่นจักรยาน เล่นเกม ไปห้องเพื่อน ไปเที่ยวด้วยกัน เลิกเรียนหรือวันหยุดก็ไปปาร์ตี้บาร์บีคิวริมหาด West Coast Park, East Coast Park และปาร์ตี้สังสรรค์ตอนกลางคืน ระหว่างการสัมภาษณ์ริวผ่าน Google Meet ในคืนวันศุกร์ ก็ได้ยินเสียงเพลงและเสียงพูดคุยเฮฮาจากห้องข้าง ๆ ดังเล็ดลอดออกมานอกจอเลยทีเดียว

ด้านความรักในรั้วมหาวิทยาลัย คนสิงคโปร์นิยมแต่งงานตั้งแต่อายุยังน้อย (21 - 27 ปี) เพื่อสมัครโครงการ BTO (Build to order) ที่อยู่อาศัยของรัฐบาล เนื่องจากพื้นที่สำหรับอยู่อาศัยในสิงคโปร์มีจำกัดและราคาสูง โครงการนี้จึงมีขึ้นเพื่อช่วยให้คู่บ่าวสาวสามารถมีสิทธิที่จะมีที่พักอาศัยเป็นของตนเอง

คนสิงคโปร์จึงนิยมร่วมกิจกรรมของมหาวิทยาลัยและระหว่างมหาวิทยาลัย เพื่อมองหาคู่ชีวิตในอนาคต ซึ่งนักเรียนสาวไทยค่อนข้างเนื้อหอม เนื่องจากหน้าตาสวยคม อัธยาศัยดี ยิ้มง่าย มีน้ำใจ ดูแลเอาใจใส่ ริวเสริมว่านักศึกษาไทยที่นี่หลาย ๆ ครั้งนิยมคบหากันเอง และชอบตกหลุมรักนักเรียนแลกเปลี่ยนจากไทย ซึ่งเป็น “ความรักต้องห้าม” เพราะเดทกันได้ไม่นานก็ต้องแยกจากกัน (แต่ก็มีหลายคู่ที่สมหวัง :))

 

อ่าน นักศึกษาไทยในสนามชิงชัยชื่อสิงคโปร์ ตอน 2 

 

อ่านบทความอื่นของผู้เขียน