Skip to main content

 

งานวิจัยของนักศึกษาปริญญาเอก มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ถึงการมองสถานภาพทางสังคมของตัวเองของผู้คน พบว่าคนส่วนใหญ่กังวลเกี่ยวกับเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ และพบด้วยว่า ในประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำสูง อภิสิทธิ์ชนมักสนับสนุนให้มีการกระจายรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อค้ำจุนไม่ให้ระบบสังคมที่เป็นอยู่ล่มสลาย

จิอาโคโม เมลลี นักศึกษาปริญญาเอกด้านสังคมวิทยา มหาวิทยาลัยอ็อกซฟอร์ด ทำการศึกษาถึงการมองสถานภาพตัวเองของคนผู้คน เปรียบเทียบกับ “บันได 10 ขั้น” โดยให้ตอบว่า พวกเขาคิดว่าตัวเองอยู่ตรงบันไดขั้นที่เท่าไหร่

จิอาโคโม บอกว่า คำตอบที่ได้นั้นไม่จำเป็นต้องสะท้อนถึงตำแหน่งแห่งที่ทางสังคมจริงๆ ว่าเป็นอย่างไร แต่สิ่งสำคัญคือ การมองสถานะทางสังคมของตัวเองนั้นจะเป็นตัวกำหนดความเชื่อ และการประพฤติปฏิบัติตัวของเรา ซึ่งการศึกษานี้แสดงให้เห็นถึงว่า ผู้คนมีความกังวลเกี่ยวกับความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ

งานวิจัยของจิอาโคโม ทำการวิเคราะห์ข้อมูลจากการสำรวจคนใน 25 ประเทศ รวมมากกว่า 51,000 คน ที่ตอบคำถามเรื่องตำแหน่งแห่งที่ทางสังคมของพวกเขาบนบันได 10 ขั้น คำตอบที่ได้รับเป็นเรื่องการสนับสนุนให้มีการกระจายความมั่งคั่ง เช่น การจัดเก็บภาษีแบบก้าวหน้า หรือให้รัฐบาลพยายามลดความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้

งานวิจัยพบว่า คนที่รู้สึกว่าตัวเองอยู่ตรงบันไดขั้นล่างๆ ของสังคม มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนการกระจายรายได้ โดยไม่สนใจว่าความเหลื่อมล้ำในประเทศของพวกเขาจะเป็นอย่างไร

งานวิจัยพบด้วยว่า คนมักมีการรับรู้ที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงทางเศรษฐกิจ หนึ่งในห้าของคนที่บอกว่า ตัวเองอยู่ตรงสามขั้นบนสุดของบันไดนั้น ความเป็นจริงแล้วพวกเขาเป็นชนชั้นแรงงาน ขณะที่หนึ่งในห้าของคนที่มองว่าตัวเองอยู่ที่บันไดสามขั้นล่างสุด จริงๆ แล้วพวกเขาอยู่ในประเทศที่รายได้สูง การที่คนระบุสถานภาพทางสังคมไม่ตรงกับความเป็นจริงนั้น ขึ้นกับภูมิหลังของแต่ละบุคคล การเลี้ยงดู และการเปรียบเทียบกับเพื่อนหรือคนในแวดวงสังคม

ในสหราชอาณาจักร ตระกูลที่ร่ำรวยซึ่งมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 10 ของประชากร ยึดครองความมั่งคั่งรวมแล้วเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของความมั่งคั่งทั้งหมดของประเทศ แต่คำถามหนึ่งของงานวิจัยคือ ทำไมคนรวยบางคนจึงให้การสนับสนุนการลดความเหลื่อมล้ำลง ขณะที่อีกหลายคนไม่

จิอาโคโมบอกว่า โดยทั่วไปคนมักมองว่า ผู้ที่อยู่ในสถานะบนสุดของสังคมจะต่อต้านการกระจายความมั่งคั่ง โดยเฉพาะในประเทศที่ความเหลื่อมล้ำสูง แต่หลักฐานจากการวิจัยนี้กลับพบว่า ในประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้สูง คนที่มองว่าตัวเองเป็นอภิสิทธิ์ชนมักสนับสนุนการกระจายรายได้ ซึ่งสิ่งนี้กลับไม่เกิดขึ้นกับประเทศที่ความเหลื่อมล้ำอยู่ในระดับต่ำ เช่น ในสหรัฐอเมริการ้อยละ 31 ของคนที่รู้สึกว่ามีสถานภาพทางสังคมอยู่ในระดับสูง สนับสนุนให้รัฐบาลลดความเหลื่อมล้ำ มากกว่าคนในประเทศที่มีความเท่าเทียมกันอย่างเดนมาร์ก

หนึ่งในคำตอบของเรื่องนี้ คือ ความกลัว และความไม่เห็นตัว จิอาโคโมอธิบายว่า คนที่รู้สึกตัวว่ามีสถานภาพทางสังคมสูง สามารถรับรู้ได้ถึงความเหลื่อมล้ำที่อยู่รอบตัว หากไม่ใช่กลัวเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง ก็เป็นเพราะเห็นแก่ผู้อื่น หรืออาจจะทั้งสองอย่างที่ทำให้อภิสิทธิ์ชนสนับสนุนการลดความเหลื่อมล้ำให้ลดน้อยลง หากพวกเขาเชื่อว่าการขยายตัวของความเหลื่อมล้ำที่มากขึ้นเรื่อยๆ อาจเป็นภัยคุกคามต่อระบบสังคมที่เป็นอยู่

งานวิจัยนี้ยังเผยให้เห็นสิ่งสำคัญเกี่ยวกับการเมืองในสังคมประชาธิปไตย คือ การเมืองไม่ใช่แค่เรื่องของรายได้หรือชนชั้นเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับวิธีที่ผู้คนมองตัวเอง ซึ่งมีผลมากกว่าการกระจายรายได้ เพราะยังส่งผลต่อ ทัศนคติแบบประชานิยม  การมีส่วนร่วมในการเลือกตั้ง และการสนับสนุนพรรคการเมืองฝ่ายขวาจัด


ที่มา
Where you think you are in society (not where you actually are) matters for how you think about inequality