ในเมืองมันน์ไฮม์ ของเยอรมนี ทุกครั้งที่มีการกดชักโครก จะมีส่วนร่วมลดการปล่อยคาร์บอนออกสู่สิ่งแวดล้อม เนื่องจากโรงบำบัดน้ำเสียของเมือง เริ่มทดลองเปลี่ยนจากน้ำเสียที่มีปฏิกูลจากการขับถ่ายของมนุษย์ ให้กลายเป็น “เมทานอล” เพื่อใช้แทนเชื้อเพลิงฟอสซิลสำหรับการเดินเรือสินค้าขนาดใหญ่ ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา
โครงการนี้ ชื่อว่า “มันน์ไฮม์ 001” เป็นโครงการนำร่อง เพื่อศึกษาวิธีการนำของเสียจากร่างกายมนุษย์ มาผ่านกระบวนการและเปลี่ยนให้เป็นพลังงานเชื้อเพลิงสะอาดสำหรับใช้กับเรือขนส่งสินค้าข้ามมหาสมุทร
เดวิด สตริทท์แมทเทอร์ ผู้ร่วมก่อตั้ง Icodos บริษัทสตาร์ทอัพที่ดำเนินโครงการนี้ บอกว่า นี่เป็นครั้งแรกที่ทำให้เห็นตลอดทั้งสายโซ่การผลิต ในการเปลี่ยนสิ่งปฏิกูลให้เป็นเมทานอลที่เสร็จสมบูรณ์
เส้นทางของเชื้อเพลิงสะอาดนี้ เริ่มต้นจากห้องน้ำไปยังโรงบำบัดน้ำเสีย ซึ่งโรงงานจะบำบัดและทำความสะอาดน้ำเสีย ส่วนตะกอนข้นตกค้างหลังการบำบัด จะถูกนำไปหมักไว้ในถังไร้ออกซิเจน ซึ่งทำให้เกิดก๊าซชีวภาพที่มีส่วนประกอบหลักเป็น “มีเทน” และ “คาร์บอนไดออกไซด์” ที่ปรกติจะถูกปล่อยทิ้ง หรือนำไปเผาเพื่อให้ความร้อน
เดวิดบอกว่า น้ำเสียและสิ่งปฏิกูลจากร่างกายมนุษย์ เป็นทรัพยากรขนาดใหญ่ที่แทบไม่มีใครใช้ประโยชน์ ในแต่ละวัน มนุษย์ผลิตอุจจาระในปริมาณมากถึง 900 ล้านกิโลกรัม และปัสสาวะอีกเกือบ 10,000 ล้านลิตร การนำของเสียเหล่านี้เพียงบางส่วนมาใช้ อาจช่วยลดการปล่อยคาร์บอนให้กับหลายอุตสาหกรรม นอกจากนี้ กระบวนการบำบัดน้ำเสียยังใช้พลังงานและงบประมาณมหาศาล บางเทศบาลของเยอรมนีต้องใช้เงินถึงร้อยละ 60 ของงบประจำปีในการเดินระบบของโรงงานบำบัดน้ำเสีย
นวัตกรรมของ Icodos คือ การทำให้ก๊าซดังกล่าวสะอาดและมีคุณภาพดี โดยการกำจัดกำมะถัน และแยกคาร์บอนไดออกไซด์ออก ซึ่งขั้นตอนนี้จะใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน คาร์บอนไดออกไซด์ที่สกัดออกมาจะถูกนำมารวมกับไฮโดรเจน โดยผ่านกระบวนการเร่งปฏิกิริยาทำให้เป็น “เมทานอล” ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงเหลวที่สามารถใช้กับเครื่องยนต์เรือได้
คุณลักษณะเด่นของ เมทานอล คือ มีความหนาแน่นทางพลังงานสูง สามารถให้พลังงานได้มากโดยที่ใช้ในปริมาณน้อย สามารถจัดเก็บและขนส่งในรูปของเหลวได้ ที่สำคัญ คือ เครื่องยนต์เรือส่วนใหญ่สามารถปรับไปใช้เมทานอลได้
การค้าโลกทั่วโลก ร้อยละ 90 พึ่งพาการขนส่งทางเรือ ซึ่งเป็นภาคขนส่งที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกราวร้อยละ 3 ของปริมาณรวมทั้งโลก และยังปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ออกไซด์และฝุ่นละอองอีกจำนวนมาก ซึ่งก่อให้เกิดมลพิษตามชายฝั่งและเมืองท่าชายทะเล แต่กระบวนการของ มันน์ไฮม์ 001 แทบจะไม่ปล่อยคาร์บอนออกมาเลย มันจึงถูกยกให้เป็นหัวใจสำคัญในการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนของอุตสาหกรรมการเดินเรือ
บริษัทเดินเรือยักษ์ใหญ่ อย่าง Maersk และ CMA CGM ก็เริ่มใช้เอทานอลกับเรือขนส่งตู้คอนเทนเนอร์แล้ว ขณะที่องค์การทางทะเลระหว่างประเทศ หรือ IMO ตั้งเป้าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิให้เป็นศูนย์ภายในปี 2050 ซึ่งทำให้เชื้อเพลิงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกลายเป็นสิ่งจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
โรงงานผลิตเอทานอลจากสิ่งปฏิกูล “มันน์ไฮม์ 001” สร้างขึ้นด้วยงบประมาณเกือบ 4 ล้านยูโร หรือราว 15 ล้านบาท โดยความร่วมมือของสถาบันเทคโนโลยีคาร์ลสรูเออ คณะกรรมาธิการยุโรป และกองทุนสภาพภูมิอากาศเมืองมันน์ไฮม์ ซึ่งขณะนี้สามารถผลิตเมทานอลได้ปีละประมาณ 15,000 ลิตร ซึ่งยังห่างไกลจากปริมาณที่เรือขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่ ที่ต้องการใช้ในปริมาณปีละหลายสิบล้านลิตร
เดวิดบอกว่า การผลิตเมทานอลจากน้ำเสียจากสิ่งปฏิกูลอาจช่วยการปล่อยลดคาร์บอนได้ในอีกหลายอุตสาหกรรม โดยที่การเดินเรือสินค้าเป็นเป้าหมายเร่งด่วนที่สุด
เดวิดบอกว่า ของเสียเหล่านี้ยังเต็มไปด้วย คาร์บอน ไนโตรเจน และฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นพื้นฐานของเชื้อเพลิง ปุ๋ย และธาตุอาหาร ซึ่งนวัตกรรุ่นใหม่กำลังแสดงให้เห็นว่าสามารถเปลี่ยนของเสียให้มีมูลค่าได้ และหากขยายระบบผลิตเมทานอลจากน้ำเสียทั่วโลก ก็อาจครอบคลุมความต้องการใช้เชื้อเพลิงทั้งหมดของอุตสาหกรรมเดินเรือทั่วทั้งโลก
ที่มา
The City That Turns Human Waste into Clean Fuel