Skip to main content

น.ต.ศิธา ทิวารี ผู้สมัคร ผู้ว่ากทม.หมายเลข 11 พรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึง ความสูญเสียในโอกาสครบรอบ 3 เดือน กรณีที่รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ พุ่งชน พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล หรือ หมอกระต่าย แพทย์ผู้ชำนาญการด้านจักษุวิทยา ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะกำลังเดินข้ามทางม้าลาย จนเป็นเหตุให้หมอกระต่ายเสียชีวิตว่า ความสูญเสียทุกชีวิต จากอุบัติเหตุ ทางรถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือยวดยานพาหนะใดๆ ก็ตาม เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น และเชื่อว่าเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าว ไม่ใช่ครั้งแรกและคงไม่ใช่ครั้งสุดท้าย 

ซึ่งนอกเหนือจากการปลูกฝังจิตสำนึกของผู้ใช้รถใช้ถนนว่า คนเดินเท้ามีสิทธิในการเดินในเส้นทางเดินเหนือรถยนต์ทุกชนิดแล้ว นโยบายด้านความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน ของกรุงเทพมหานครก็ต้องปรับเปลี่ยนด้วยเช่นกัน เพราะตามข้อมูลขอ WHO รายงานประจำปี 2016 และ 2018 ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตบนท้องถนนจำนวน 32.7 คนจาก 100,000 คนต่อปี ซึ่งประเทศไทยติดอันดับท็อป 10 ของโลก 

จากข้อมูลศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ) ศึกษาจากแหล่งข้อมูลอุบัติเหตุต่างๆ ประมาณการณ์ว่า มีผู้ถูกรถชนเสียชีวิตขณะข้ามถนนบนทางม้าลาย เฉลี่ย 6% ของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน หรือประมาณ 500 คนต่อปี โดยพบเกิดเหตุในพื้นที่ กทม.มากที่สุด ดังนั้น กทม.จำเป็นต้องเพิ่มการติดตั้งไฟสัญญาณคนข้ามทางม้าลาย ตลอดจนที่ดักชะลอความเร็ว ในจุดที่มีความสำคัญ เป็นเขตชุมชน และมีความเสี่ยงให้มากขึ้น 

โดยเฉพาะจุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง และสัญญาณกำหนดความเร็วในเขตเมือง โดยเฉพาะ ตลาด ชุมชน โรงเรียน ที่ต้องขับขี่รถไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยกทม.ต้องสนับสนุนทุกกลไกเพื่อการตรวจจับปรับจริง กรณีมีผู้ฝ่าฝืนกฎหมายจราจร  และให้เร่งรณรงค์สร้างความเข้าใจกับผู้ใช้รถใช้ถนนให้เคารพกฎจราจร โดยดำเนินการอย่างต่อเนื่องมิใช่แค่ช่วงเทศกาลปีใหม่หรือสงกรานต์

ที่สำคัญกรุงเทพฯ ต้องเป็นพ่อบ้านที่สำคัญในการดูแลความปลอดภัยของชาวกรุงเทพฯ ต้องทำงานกับกองบังคับการตำรวจจราจร เพื่อให้มีการตรวจมากขึ้น ทางกรุงเทพ ต้องมีการรับและส่งข้อมูลของกล้องกทม. ให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อที่จะตรวจสอบรถยนต์ต่างๆ อย่างใกล้ชิด ทางกทม จะเสริมกำลังเทศกิจของกทม.ซึ่งอยู่ภายในการดูแลของกทม.โดยตรง ซึ่งมีกว่า 2,900 นาย

นอกจากนี้ ชาวกรุงเทพฯ ควรช่วยเป็นหูและตา ส่งรายงานผ่านแอพ โดยส่งแล้วจะมีโอกาสได้รับ Bangkok Token เป็นการให้รางวัลต่อการทำดีต่อสังคม และเป็นส่วนลดต่อไปในบริการและร้านในโครงการ กรมป้องกันและบรรเท่าสาธารณภัยเคยมีการตั้ง LINE แต่สุดท้ายมีคนส่งน้อย เนื่องจากไม่มีแรงจูงใจ (Incentive) ในการสนับสนุนให้คนรายงาน

กรุงเทพต้องสร้างความปลอดภัยด้วยระบบตำรวจจราจร AI โดยการเพิ่มแสงสว่าง ติดกล้องที่ใช้ได้จริง เข้าระบบ BANGKOK EYE ซึ่งจะช่วยในการประมวลข้อมูลส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเป็นการป้องกันล่วงหน้า ต้องมีการทำป้ายและเข้มงวดต่อความเร็วที่กำหนดในเขตเมือง โดยเฉพาะในเมืองที่มีจุดคนเดินข้ามถนนหรือกิจกรรมสองข้างทาง เช่น ตลาด ชุมชน ฯลฯ